กรุงเทพฯ--13 พ.ย.--วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส
สภาวะตลาดวันที่ 13 พฤศจิกายน 2561 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,200.13-1,205.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 18,850 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวลดลง 100 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 18,950 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFZ18 อยู่ที่ 18,910 บาท โดยราคาปรับตัวลดลง 130 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,040 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.35 น. ของวันที่ 13/11/61)
แนวโน้มวันที่ 14 พฤศจิกายน 2561
ความหวังที่ว่าความตึงเครียดทางการค้าจีน-สหรัฐจะบรรเทาลง หลังจากที่มีรายงานว่า ทั้ง 2 ฝ่ายได้เริ่มการหารือระดับสูงอีกครั้ง เมื่อ นสพ. วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า นายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ ได้หารือกับรองนายกรัฐมนตรีหลิว เหอ ของจีนทางโทรศัพท์ ซึ่งเป็นผู้เจรจาเกี่ยวกับสงครามการค้าระดับสูงของจีน อาจจะเดินทางเยือนกรุงวอชิงตัน อันเป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมความพร้อมสำหรับการหารือระหว่างปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐและปธน.สี จิ้นผิงของจีน นอกรอบการประชุมสุดยอด G20 ในอาร์เจนตินาในช่วงต่อไปของปลายเดือนนี้ นอกจากนี้ นายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐกล่าวต่อนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ของญี่ปุ่นว่า เขารอคอย "ข้อมูลล่าสุด" เกี่ยวกับการเจรจาข้อตกลงการค้าระดับทวิภาคี ซึ่งหวังว่า จะลดยอดเกินดุลการค้าของญี่ปุ่นกับสหรัฐ การหารือดังกล่าวมุ่งสู่ข้อตกลงการค้าระดับทวิภาคี" ที่ปธน.ทรัมป์และนายกฯอาเบะตกลงที่จะริเริ่มในการประชุมสุดยอดเมื่อเดือนก.ย. แนวโน้มสงครามการค้าที่ผ่อนคลายลง กระตุ้นให้ราคาทองคำฟื้นตัวขึ้นได้บ้าง นอกจากนี้ ธนาคารของรัฐบาลจีนขายดอลลาร์ในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราสปอตออนชอร์ จุดประสงค์เพื่อยับยั้งสกุลเงินหยวนที่อ่อนค่าลง ความเคลื่อนไหวดังกล่าวช่วยให้เงินหยวนฟื้นตัวขึ้นสู่ 6.9550 หยวนต่อดอลลาร์ อย่างไรก็ตามดัชนีดอลลาร์เคลื่อนไหวอยู่ใกล้ระดับสูงสุดรอบ 16 เดือนที่ 97.69 ที่ทำไว้เมื่อวันจันทร์ ราคาทองคำจึงฟื้นตัวขึ้นได้ไม่ไกล ทั้งนี้เครื่องมือ FedWatch ของ CME group ระบุว่า ความเป็นไปได้ในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดอีกครั้งในเดือนธ.ค.ปีนี้อยู่ที่ 75% ตามมาด้วยการปรับขึ้นอีก 2 ครั้งภายในกลางปี 2562 เนื่องจากค่าจ้างเพิ่มขึ้นในภาวะเศรษฐกิจสหรัฐที่ขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง นอกจากนี้ ปัจจัยที่ต้องติดตามคือ การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ในวันพุธนี้ โดยมองว่ากนง.จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% แต่อาจมีการส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ชัดเจนขึ้น ซึ่งอาจจะส่งผลต่อค่าเงินบาทให้แข็งค่าขึ้นจนกดดันราคาทองคำในประเทศได้เช่นกัน
กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจีมีมุมมองว่า รอจังหวะเข้าขายทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวบริเวณแนวต้าน 1,214-1,224 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพื่อหาจังหวะรอเข้าซื้อคืนหากราคาย่อตัวลงมาและไม่หลุดแนวรับ 1,197 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และควรตั้งจุดตัดขาดทุนหากราคาหลุดแนวรับดังกล่าว เพื่อรอซื้อในบริเวณแนวรับถัดไปที่ 1,189-1,180 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากหลุดบริเวณนี้จำเป็นต้องชะลอการเข้าซื้ออกไป สำหรับนักลงทุนที่มีทองคำในมือแนะนำให้แบ่งปิดสถานะทำกำไรหากราคาดีดตัวขึ้นหรือบริเวณแนวต้าน 1,212-1,214 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,197 (18,650บาท) 1,189 (18,550บาท) 1,180 (18,400บาท)
แนวต้าน 1,214 (18,950บาท) 1,224 (19,100บาท) 1,236 (19,300บาท)
GOLD FUTURES (GFZ18)
แนวรับ 1,197 (18,820บาท) 1,189 (18,700บาท) 1,180 (18,560บาท)
แนวต้าน 1,214 (19,100บาท) 1,224 (19,250บาท) 1,236 (19,450บาท)
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999