กรุงเทพฯ--14 พ.ย.--เมตะ คอร์ปอเรชั่น
บริษัท เมตะ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ META โชว์กำไรสุทธิช่วง 9 เดือนแรกอยู่ที่ 31.79 ล้านบาท ซึ่งทำให้มีผลกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 151.77 ล้านบาท หรือคิดเป็น 127% เมื่อเทียบกับงบการเงิน สำหรับงวดสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2560 เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของรายการกำไรจากการขายสิทธิการลงทุนจำนวน 43.85 ล้านบาท ในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่เมืองฟุกุโอกะ ประเทศญี่ปุ่น ขนาดกำลังการผลิต 15.4 เมกะวัตต์ให้กับกลุ่มทุนจากไต้หวัน อีกทั้งการลดลงของค่าใช้จ่ายในการบริหารและทั่วไป จำนวน 92.13 ล้านบาท หรือคิดเป็น 49% ซึ่งมาจากการลดลงของค่าที่ปรึกษาโครงการต่างประเทศและการลดลงของการตั้งประมาณการค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ รวมไปถึงการลดลงของต้นทุนทางการเงินจำนวน 26.43 ล้านบาท หรือคิดเป็น 40% เนื่องจากการชำระคืนเงินกู้ยืมระยะสั้น
ทั้งนี้ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์มินบู ที่ประเทศสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ มีความคืบหน้าอย่างมีสาระสำคัญ โดยทางบริษัทฯ ได้ส่งมอบสินค้าเพิ่มเติม จำนวน 2.2 ล้านเหรียญสหรัฐอเมริกา หรือประมาณ 73 ล้านบาท ตามหมายเหตุประกอบงบที่ได้ประกาศไว้นั้น และบริษัทฯ ยังมีรายได้จากการกลับรายการหนี้สงสัยจะสูญ จากการขายเหมืองที่ประเทศอินโดนีเชียมูลค่า 6 แสนเหรียญสหรัฐอเมริกา หรือประมาณ 20 ล้านบาทซึ่งได้รับชำระเป็นที่เรียบร้อยแล้วในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งจะไปปรากฎในงบการเงินไตรมาสที่4 เต็มๆ
นายศุภศิษฏ์ โภคินจารุรัศมิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมตะคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ META ผู้นำทางด้านธุรกิจรับเหมาก่อสร้างและพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนแห่งภูมิภาคเอเชีย เปิดเผยบริษัทฯ สามารถดำเนินธุรกิจได้ตามแผนที่วางไว้ มั่นใจรายได้ทั้งปีเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ 2,000 ล้านบาท พร้อมกล่าวถึงโครงการโรงไฟฟ้ามินบูที่มีความคืบหน้าไปอย่างมาก ซึ่งจะพร้อมดำเนินการจ่ายไฟเชิงพาณิชย์(COD) ในช่วงไตรมาสที่1 ปี 2562 อย่างแน่นอน