กรุงเทพฯ--14 พ.ย.--IR PLUS
ชโย กรุ๊ป หรือ CHAYO เผยกำไรไตรมาส 3 ปีนี้เติบโต 112% อยู่ที่ 25.86 ล้านบาทส่งผลให้กำไร 9 เดือนอยู่ที่ 64.38 ล้านบาท ทะลุเป้าที่วางไว้ กำไรโตเกิน 10% ของปีก่อน (ปี 2560 บริษัทฯ มีกำไรทั้งสิ้น 58.24 ล้านบาท) ขณะที่พอร์ตสินเชื่อสิ้นสุด 30 ก.ย. 2561 อยู่ที่ 38,501 ล้านบาท มองแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 4 ดีต่อเนื่อง ดันผลประกอบการทั้งปีขยายตัวอย่างต่อเนื่องเกินเป้าหมายที่วางไว้ "สุขสันต์ ยศะสินธุ์" ซีอีโอ เปิดแผนธุรกิจปีหน้าเตรียมเงินลุยซื้อหนี้ขยายพอร์ตเพิ่ม พร้อมผลักดันธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลเต็มสูบ
นายสุขสันต์ ยศะสินธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ชโย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CHAYO ผู้ดำเนินธุรกิจเจรจาติดตามและเร่งรัดหนี้สิน และบริหารสินทรัพย์จากการซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพทั้งที่มีหลักประกันและไม่มีหลักประกันจากสถาบันการเงิน และกิจการศูนย์บริการข้อมูลลูกค้า เปิดเผยว่า ผลประกอบการในไตรมาส 3 ปี 2561 บริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 66.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.96 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 31.86% จากงวดเดียวกันปีก่อน ขณะที่กำไรสุทธิในงวดไตรมาส 3 ปี 2561 อยู่ที่ 25.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.67 ล้านบาท หรือ 112% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยอัตรากำไรขั้นต้นที่ 62.7% และอัตรากำไรสุทธิที่ 39.2%
ในขณะที่รายได้รวมงวด 9 เดือนปี 2561 มีรายได้รวมอยู่ที่ 186.48 ล้านบาท และกำไรสุทธิงวด 9 เดือนปี 2561 อยู่ที่ 64.38 ล้านบาททะลุเป้าที่วางไว้ที่จะกำไรโตเกิน 10% ของปีก่อน (ปี 2560 บริษัทฯ มีกำไรทั้งสิ้น 58.24 ล้านบาท) และอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 65.0% และอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 34.5%
สาเหตุที่ทำให้รายได้รวมและกำไรสุทธิในไตรมาส 3 ปีนี้ ปรับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เกิดจากการที่บริษัทฯ สามารถบริหารและเก็บเงินได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ประกอบกับสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่บริษัทฯ ซื้อมาในปี 2557 นั้นตัดต้นทุนเกือบครบ 5 ปีแล้ว
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2561 บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าจะมีการดำเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างการเจรจาซื้อหนี้จากสถาบันการเงินจำนวน 5 - 6 แห่ง รวมมูลค่าหนี้ประมาณ 4,000 – 5,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปก่อนสิ้นปีแน่นอน ซึ่งจะทำให้ตลอดปี 2561 นี้ บริษัทฯ จะเข้าซื้อหนี้ไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาทตามเป้าหมาย โดย ณ สิ้นเดือน ก.ย. 2561 บริษัทฯ ได้ดำเนินการซื้อหนี้แล้ว 9,207 ล้านบาท ขณะที่มูลหนี้คงค้าง ณ ไตรมาสที่ 3/2561 อยู่ที่ 38,501 ล้านบาท แบ่งเป็นหนี้ที่ไม่มีหลักประกันประมาณ 35,780 ล้านบาท และหนี้ที่มีหลักประกันประมาณ 2,721 ล้านบาท ส่วนเป้าหมายรายได้ปี 2562 มั่นใจว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 15%
นายสุขสันต์ กล่าวว่า แผนธุรกิจในปี 2562 บริษัทฯ เน้นกลยุทธ์เชิงรุกในทุกธุรกิจ และยังคงเน้นในการซื้อหนี้มาบริหารเป็นหลักเช่นเดิม โดยในปี 2562 บริษัทฯ จะมีธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้น ประกอบด้วยธุรกิจสินเชื่อบุคคล สินเชื่อนาโน และพิโก ไฟแนนซ์ ซึ่งดำเนินการภายใต้บริษัทย่อย "ชโย แคปปิคอล" และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้บริษัทย่อย "ชโย พร็อพเพอร์ตี้ แอนด์ เซอร์วิส"
"กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของธุรกิจปล่อยสินเชื่อคือพนักงานประจำ ทั้งบริษัทเอกชนและรัฐบาล ลูกจ้างประจำ หรือลูกค้าเดิมที่มีธุรกรรมกับบริษัทฯ เนื่องจากมองเห็นความต้องการและศักยภาพของลูกค้า ขณะที่จุดแข็งของบริษัทฯ คือความชำนาญในการเก็บและปล่อยสินเชื่อ จึงมั่นใจว่าธุรกิจปล่อยสินเชื่อของบริษัทฯ จะได้รับการตอบรับที่ดี โดยเชื่อว่าการดำเนินธุรกิจของทั้ง 2 บริษัทจะผลักดันให้ผลประกอบการเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ" นายสุขสันต์ กล่าว
ทั้งนี้ ในปี 2562 บริษัทฯ วางแผนการลงทุนและการจัดหาเงินทุนไว้ประมาณ 1,000 – 1,200 ล้านบาท โดยใช้สำหรับซื้อหนี้เพิ่มประมาณ 800 – 1,000 ล้านบาท และสำหรับธุรกิจปล่อยกู้ไว้ประมาณ 200 – 400 ล้านบาท