กรุงเทพฯ--25 ก.ค.--แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์
L.P.N. ชี้กระแสน้ำมันพุ่ง กระตุ้นให้คนไม่อยากเดินทางไกล ส่งผลด้านบวกแก่ตลาดคอนโดฯ ดันยอดขายโครงการที่ใกล้ระบบขนส่งมวลชนพุ่งสูง ทั้งซื้อเพื่ออยู่จริงและเพื่อลงทุนระยะยาว ยืนยันครึ่งปีหลังยอดขายตามเป้า พร้อมเดินหน้าเปิดโครงการใหม่
นายทิฆัมพร เปล่งศรีสุข กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ความผันผวนทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันที่เป็นปัจจัยสำคัญส่งผลกระทบต่อสภาวะเศรษฐกิจและตลาดหุ้นโดยรวมนั้น ในส่วนของ L.P.N. ซึ่งจากการประเมินของฝ่ายวิจัยและพัฒนาของบริษัท พบว่า อัตราการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมัน เป็นตัวสร้างอุปสงค์ (Demand) หรือความต้องการในส่วนของตลาดคอนโดมิเนียมระดับกลางที่อยู่บนทำเลที่แวดล้อมด้วยระบบการคมนาคมขนาดใหญ่ (Mass Transit) ให้เพิ่มมากขึ้น ทั้งความต้องการเพื่อการอยู่อาศัยจริง (Real Demand) และเพื่อการลงทุนในระยะยาวอย่างการปล่อยเช่า โดยยอดขายในแต่ละโครงการของ L.P.N.ก็ยังคงได้รับการตอบรับที่น่าพอใจ ซึ่งเป็นการบอกถึงทิศทางตลาดอสังหาริมทรัพย์ในสภาวะการณ์ปัจจุบันว่าความต้องการในบางกลุ่มยังคงมีอยู่ และคาดว่ากำลังซื้อคอนโดมิเนียมระดับกลาง ในส่วนของ L.P.N. ในปี 2548 น่าอยู่ที่ประมาณไม่น้อยกว่า 3,000 ยูนิต
“ไม่ว่าราคาน้ำมันจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียงใด ประเด็นสำคัญ คือ การรู้ว่าตนเองกำลังทำอะไรอยู่ กำลังขายอะไรให้ใคร เมื่อใดที่เรามองกลุ่มเป้าหมายออก วางตำแหน่งตัวสินค้าได้ถูกต้อง สามารถประเมินกำลังซื้อของลูกค้าว่ามีมากน้อยเพียงใด น้ำมันจะแพงแค่ไหน การซื้อยังคงดำเนินไปได้ น้ำมันปรับตัวขึ้นถ้ามองในแง่ลบแน่นอนว่า ต้องส่งผลกระทบต่อต้นทุนการก่อสร้างและราคาอสังหาฯ ที่เพิ่มขึ้น แต่ถ้ามองในแง่บวกราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ส่งผลทางจิตวิทยาให้คนมองหาที่อยู่อาศัยที่สามารถลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ที่เพิ่มมากขึ้น 30-50 % เพื่อนำไปทดแทนภาระต่างๆ ที่จะเพิ่มขึ้นจากการปรับตัวของราคาน้ำมัน ซึ่งเชื่อว่าที่อยู่อาศัยในเมืองที่แวดล้อมด้วยระบบขนส่งจะเข้ามามีบทบาทในการตัดสินใจซื้อมากขึ้น”
ส่วนเรื่องของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพื่ออยู่อาศัย ธนาคารพาณิชย์หลายแห่งต่างพากันจัดแคมเปญในอัตราดอกเบี้ยที่พิเศษ เพื่อกระตุ้นความต้องการซื้อมากขึ้น เนื่องจากเล็งเห็นว่า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีความน่าเชื่อถือและมีความเสี่ยงต่ำ โดยศึกษาจากยอดขายที่สมดุลกับปริมาณความต้องการที่เกิดขึ้น รวมถึงยังเห็นว่า ความผันผวนของเศรษฐกิจในปัจจุบันกลับเป็นผลดีต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ช่วยปรับสมดุลปริมาณสินค้า (Supply) ในตลาดไม่ให้มีมากจนเกิดไป รวมถึง ธนาคารมีความเข้มงวดในเรื่องการปล่อยสินเชื่อเพื่อพัฒนาโครงการมากขึ้น โดยเน้นการปล่อยสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการที่มีความน่าเชื่อถือเท่านั้น
สำหรับผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกของบริษัทมียอดขายรวม 3,400 ยูนิต คิดเป็น 5,840ล้านบาท โดยแบ่งเป็นยอดขายของ L.P.N. จำนวน 3,100 ยูนิต มูลค่า 5,350 ล้านบาท และของบริษัท แกรนด์ ยูนิตี้ ดิเวลล็อปเมนท์ จำกัด (Grand U) ซึ่งบริษัทถือหุ้นอยู่ 33.33 % จำนวน 300 ยูนิต มูลค่า 490 ล้านบาท โดยในช่วงครึ่งปีหลัง L.P.N. ตั้งเป้ายอดขาย 1,000 ยูนิต มูลค่า 1,500 ล้านบาท และ Grand U ตั้งเป้ายอดขายครึ่งปีหลัง 725 ยูนิต 1,000 ล้านบาท รวมยอดขายทั้งปี 8,340 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายรวมของ L.P.N. 6,850 ล้านบาท และยอดขายรวมของ Grand U 1,490 ล้านบาท ส่วนยอด รับรู้รายได้ของ L.P.N. ในครึ่งปีแรกประมาณ 1,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 57% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2547 โดยบริษัทเชื่อว่าในครึ่งปีหลัง จะสร้างยอดขายได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ข้างต้น
นายทิฆัมพร ยังได้กล่าวถึง แผนการดำเนินงานในครึ่งปีหลังว่า การทำงานของ L.P.N. จะมีการวิเคราะห์และปรับแผนตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ซึ่งบริษัทฯ ไม่มีนโยบายที่จะซื้อที่ดินเก็บไว้ เพราะต้องการให้การลงทุนของบริษัทสามารถปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ ในครึ่งปีหลัง บริษัทมีแผนที่จะเปิดโครงการใหม่อีก 1 โครงการ โดยในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดตัวโครงการรวมทั้งสิ้น 4 โครงการ ได้แก่ 1) ลุมพินี เซ็นเตอร์ แฮปปี้แลนด์ เฟส 5 อาคารชุดพักอาศัยสูง 8 ชั้น 3 อาคาร จำนวน 442 ยูนิต มูลค่า 390 ล้านบาท มียอดขายคิดเป็น 72% 2) ลุมพินี เพลส ปิ่นเกล้า อาคารชุดพักอาศัยสูง 22 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 580 ยูนิต มูลค่า 1,097 ล้านบาท มียอดขายคิดเป็น 93% 3) ลุมพินี วิลล์ ศูนย์วัฒนธรรม อาคารชุดพักอาศัยสูง 8 ชั้น 9 อาคาร จำนวน 1,324 ยูนิต มูลค่า 1,900 ล้านบาท มียอดขายคิดเป็น 60% และ 4) ลุมพินี เพลส นราธิวาส-เจ้าพระยา อาคารชุดพักอาศัยสูง 29 ชั้น 3 อาคาร จำนวน 1,306 ยูนิต มูลค่า 3,500 ล้านบาท มียอดขาย 55% (ข้อมูล ณ วันที่ 25/7/48)
วิจิตร อวิรุทธิ์, เสาวนีย์ จีระเดชาธรรม, สุปรียา ปิ่นเกตุ
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ โทร. 02-285-5011-6 ต่อ 500, 502, 504
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net--จบ--