บีโอไอเผยนักลงทุนฟื้นความเชื่อมั่น ยอดขอส่งเสริมปี 50 ทะลุ 6.5 แสนล้าน

ข่าวยานยนต์ Thursday January 10, 2008 11:28 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--10 ม.ค.--บีโอไอ
บีโอไอเผยยอดขอรับส่งเสริมปี 50 ทะลุเป้า 6.55 แสนล้านบาท สูงกว่าปี 49 ถึงร้อยละ 32 ส่วนการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศปี 50 สูงกว่า 5 แสนล้านบาท หรือขยายตัวถึงร้อยละ 63 โดยกลุ่มประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจต่างขยายการลงทุน ทั้งญี่ปุ่น สหรัฐสหภาพยุโรป คาดปี 51 กลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในยานยนต์ จะลงทุนเพิ่มขึ้นอีกมาก
นายสาธิต ชาญเชาวน์กุล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยถึงภาพรวมการลงทุนในปี 2550 ที่ผ่านมา ซึ่งถูกมองว่าจะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจ แต่ปรากฏว่า นักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศยังคงเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศไทย และตัดสินใจที่จะเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้น โดยปีที่ผ่านมา มีนักลงทุนยื่นขอรับส่งเสริมทั้งสิ้น 1,318 โครงการ รวมมูลค่าเงินลงทุน 655,800 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่าปี 2549 ถึงร้อยละ 32% ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 494,200 ล้านบาท
อุตสาหกรรมที่นักลงทุนยื่นขอรับส่งเสริมมากที่สุดคือ อุตสาหกรรมบริการและสาธารณูปโภค จำนวน 341 โครงการ รวมมูลค่าเงินลงทุน 172,700 ล้านบาท รองลงมาเป็นอุตสาหกรรมยานยนต์ ชิ้นส่วน และเครื่องจักร จำนวน 273 โครงการ รวมมูลค่าเงินลงทุน 171,200 ล้านบาท อันดับ 3 คือ อุตสาหกรรมปิโตรเคมี กระดาษและพลาสติก จำนวน 173 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 151,800 ล้านบาท ตามด้วยอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า จำนวน 231 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 81,200 ล้านบาท
สำหรับการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment: FDI) ในปี 2550 มีจำนวน 846 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวม 502,737 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 63 เมื่อเทียบกับมูลค่าเงินลงทุนทางตรงจากต่างประเทศในปี 2549 ที่มูลค่า 307,668 ล้านบาท
อุตสาหกรรมที่นักลงทุนต่างชาติขอรับส่งเสริมมากที่สุดคือ ยานยนต์ ชิ้นส่วนและเครื่องจักร 153,531 ล้านบาท รองลงมาเป็นอุตสาหกรรมบริการและสาธารณูปโภค 124,805 ล้านบาท อันดับ 3 อุตสาหกรรมปิโตรเคมี 100,010ล้านบาท อันดับ 4 อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วน และเครื่องใช้ไฟฟ้า 78,985 ล้านบาท
ประเทศที่ลงทุนในไทยมากที่สุดยังคงเป็นญี่ปุ่น ยื่นขอรับส่งเสริมจำนวน 330 โครงการ มูลค่า 149,071 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 34 เมื่อเทียบกับมูลค่าในปี 2549 ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 110,476 ล้านบาท รองลงมาคือ สหรัฐอเมริกา มีมูลค่าเงินลงทุน 85,752 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 131 เมื่อเทียบกับปี 2549 ซึ่งมีมูลค่า 37,059 ล้านบาท ตามด้วยกลุ่มประเทศในสหภาพยุโรป 74,145 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 142 เมื่อเทียบกับปี 2549 ซึ่งมีมูลค่า 30,532 ล้านบาท
สำหรับประเทศอื่นๆ ที่มีมูลค่าเงินลงทุนขยายตัวอย่างมากในปี 2007 ได้แก่ เยอรมนี มูลค่าเงินลงทุนของโครงการที่ยื่นขอรับส่งเสริม 37,080 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 2,800 หรือ 28 เท่า เมื่อเทียบกับปี 2549 ซึ่งมีมูลค่าเพียง 1,279 ล้านบาท และเกาหลีใต้ 11,568 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 121 เมื่อเทียบกับปี 2549 ซึ่งมีมูลค่า 5,230 ล้านบาท และประเทศจีน 17,175 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 38 เมื่อเทียบกับปี 2549 ซึ่งมีมูลค่า 12,306 ล้านบาท
สำหรับการลงทุนในปี 2551 คาดว่าจะยังมีการลงทุนในโครงการที่เกี่ยวเนื่องหรือเชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมยานยนต์ เช่น ชิ้นส่วนยานยนต์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในยานยนต์ ลงทุนเพิ่มขึ้นอีกมาก เพื่อรองรับโครงการผลิตรถยนต์ที่ได้รับส่งเสริมการลงทุน นอกจากนี้ ยังมีสัญญาณแสดงความเชื่อมั่นเกี่ยวกับการลงทุนจากกลุ่มผู้ประกอบการนิคมอุตสาหกรรมที่เตรียมขยายพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมเพื่อรองรับการลงทุนกลุ่มใหม่ๆ ถึง 9 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนประมาณ 8,000 ล้านบาท

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ