กรุงเทพฯ--16 พ.ย.--ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
บมจ. เจ้าพระยามหานคร ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำตามแนวเส้นรถไฟฟ้าพร้อมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ 19 พ.ย. นี้ ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IP0 3,000 ล้านบาท โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า "CMC"
นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า mai ยินดีต้อนรับ บมจ. เจ้าพระยามหานคร เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายใน mai ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง ด้วยเกณฑ์ Market Capitalization โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า "CMC" ในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2561
CMC ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัย ประกอบด้วย คอนโดมีเนียม ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม และบ้านเดี่ยว โดยมุ่งเน้นการพัฒนาโครงการอาคารชุดคอนโดมิเนียมเป็นหลักและส่วนใหญ่อยู่ในทำเลตามแนวสถานีขนส่งมวลชนระบบรางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภายใต้ชื่อแบรนด์ "แบงค์คอก ฮอไรซอน" "แบงค์คอก เฟ'ลิซ" และ "ชาโตว์ อินทาวน์" ปัจจุบันบริษัทมีโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ และอยู่ระหว่างขายทั้งหมด 25 โครงการมูลค่าประมาณ 4,100 ล้านบาท โครงการระหว่างก่อสร้าง 2 โครงการมูลค่าประมาณ 1,900 ล้านบาท และโครงการในอนาคต 10 โครงการที่คาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้ภายในช่วง 3-4 ปีนี้ มูลค่าประมาณ10,000 ล้านบาท
CMC มีทุนชำระแล้ว 1,000 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 750 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุนเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนครั้งแรก (IPO) 250 ล้านหุ้น โดยเสนอขายต่อผู้มีอุปการคุณของบริษัทไม่เกิน 12.30 ล้านหุ้น บุคคลที่มีความสัมพันธ์กับบริษัทไม่เกิน 2 ล้านหุ้น พนักงานของกลุ่มบริษัทไม่เกิน 2.58 ล้านหุ้นและบุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ หรือ ผู้ลงทุนสถาบันไม่เกิน 233.12 ล้านหุ้น มีกำหนดเสนอขายระหว่างวันที่ 8-13 พฤศจิกายน2561 ในราคาหุ้นละ 3 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 750 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 3,000 ล้านบาท โดยมี บมจ. หลักทรัพย์เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและรับหน้าที่เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วมกันกับ บมจ. หลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป
นายแพทย์วิเชียร แพทยานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เจ้าพระยามหานคร (CMC) เปิดเผยว่า การนำหุ้นสามัญของบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ครั้งนี้ จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งของบริษัทฯ โดยบริษัทฯ มีแผนจะนำเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนไปลงทุนพัฒนาโครงการในอนาคต ทั้ง 10 โครงการ ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ ตลอดจนชำระหนี้เงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน ซึ่งปัจจุบันต้นทุนทางการเงินเป็นสัดส่วนค่าใช้จ่ายที่สูงสำหรับบริษัทฯ โดยคาดว่าจะช่วยให้บริษัทสามารถลดต้นทุนทางการเงินและยกระดับผลประกอบการของบริษัทให้ดียิ่งขึ้น
CMC มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 ลำดับแรกหลัง IPO ได้แก่ 1.กลุ่มแพทยานันท์ ถือหุ้นรวม 75.43% 2.กองทุนภายใต้การบริหารของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็ม เอฟ ซี จำกัด (มหาชน) ถือหุ้น 3.77% และ 3.กองทุนภายใต้การบริหารของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) ถือหุ้น 1.94% การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO ที่ 3 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) ที่ 15 เท่า โดยคำนวณจากผลประกอบการของบริษัทในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา (1กรกฎาคม 2560 - 30 มิถุนายน 2561) ซึ่งเท่ากับ 196.32 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ (fully diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.20บาท ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิตามงบเฉพาะกิจการภายหลังจากหักภาษี และทุนสำรองตามกฎหมาย
รายละเอียดจากหนังสือชี้ชวนของบริษัทที่เว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ล.ต. ที่ www.sec.or.th และข้อมูลทั่วไปของบริษัทที่ www.cmc.co.th และ www.set.or.th