กรุงเทพฯ--16 พ.ย.--กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผย ในโอกาสมาเยือนฝรั่งเศสก่อนการร่วมประชุมองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (Organization for Economic Co-operation and Development : OECD) ณ ประเทศฝรั่งเศส ว่า ได้รับเชิญจากบริษัทไมโครซอฟท์ ในการเข้าเยี่ยมและพูดคุยกับสตาร์ทอัพที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยด้าน AI (ปัญญาประดิษฐ์) เพื่อนำไปใช้งาน ภายในพื้นที่ Station F ซึ่งไมโครซอฟท์ได้เปิดพื้นที่ถาวร พร้อมสนับสนุนบุคลากร การเข้าถึง Azure AI การจัด Hackathon ปีละมากกว่า 200 ครั้ง เพื่อสนับสนุนสตาร์ทอัพในการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) มาทดลองใช้ในพื้นที่ดังกล่าว
ไมโครซอฟท์ได้ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยี AI มาอย่างต่อเนื่องและชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ใน Station F มีการเปิดโอกาสทำงานกับสตาร์ทอัพ ทำให้การเติบโตและการสร้างนวัตกรรมร่วมกันเป็นไปอย่างก้าวกระโดด การพัฒนาเทคโนโลยีด้าน AI ให้ก้าวหน้า ทำให้ความแม่นยำเพิ่มขึ้น เพิ่มความเร็วในการประมวลผล การรองรับกรณีการใช้งานรูปแบบใหม่ๆ และการนำไปใช้งานบน Platform ที่แตกต่างกัน
นอกจากนั้นการพัฒนาให้เทคโนโลยี AI ที่มีอยู่นั้น ให้สตาร์ทอัพนำไปใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การเตรียม Platform สำหรับ Data Scientist การเปิด API สำหรับนักพัฒนา การสร้างเครื่องมือที่จะทำให้บุคคลทั่วไปเองสามารถสร้าง AI แบบง่ายๆ ขึ้นมาใช้งานได้ และการพัฒนาหลักสูตรเนื้อหาความรู้ด้าน AI ให้ทุกคนเข้าถึงและเรียนรู้ได้ฟรี
"ผมได้รับฟังบริษัทสตาร์ทอัพ ของฝรั่งเศส 2 ราย ได้แก่ DC brain http://dcbrain.com/homepage/ ที่ใช้เทคโนโลยี AI ช่วยในการวิเคราะห์ความผิดปกติ ปรับปรุงประสิทธิภาพ การจำลองการออกแบบ ระบบการทำงานแบบ Grid ที่นำไปใช้ในงานด้านต่างๆ เช่น ระบบโลจิสติกส์ ระบบสื่อสารโทรคมนาคม เป็นต้น และ iconem http://iconem.com/en/ ที่ใช้เทคโนโลยี AI ในการประกอบภาพความละเอียดสูงนับล้านภาพในแต่ละพื้นที่ ที่ได้จากการถ่ายภาพ เช่น จากโดรน และนำมาประกอบการเป็นภาพ 3 มิติ ความละเอียดสูงเพื่อช่วยในงานอนุรักษ์ ซ่อมแซม ตลอดจนส่งเสริมการท่องเที่ยว สถานที่สำคัญต่างๆในหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งหากไม่มีเทคโนโลยี AI ต้องใช้เวลาในการประมวลผลภาพสูงมาก" ดร.พิเชฐ กล่าว หลังจากนี้ กระทรวงดิจิทัลฯ โดยสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล จะทำงานกับ ไมโครซอฟท์และบริษัทอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ในการสร้างระบบนิเวศน์นี้ เพื่อสนับสนุนสตาร์ทอัพ ในการสร้างธุรกิจบนพื้นฐานของเทคโนโลยี AI ให้เป็นรูปธรรมในเร็ววันต่อไป
สำหรับ Station F เป็นศูนย์รวมสตาร์ทอัพใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีพื้นที่กว่า 34,000 ตารางเมตร มีโต๊ะทำงานกว่า 3,000 ตัว รองรับสตาร์ทอัพได้นับ 1,000 ราย โดยมาจากประเทศต่างๆ กว่า 20 ประเทศ มีบริษัทรายใหญ่ของโลกในหลากหลายธุรกิจมาทำงานที่นี่ เช่น Microsoft, Facebook, Schlumberger, AXA, Github, AWS, L'Oreal เป็นต้น จึงเกิดความหลากหลายของสตาร์ทอัพ และมีโอกาสเรียนรู้กันและกัน"
Station F มีพื้นที่แบ่งออกเป็น 3 โซนหลัก ๆ คือ Share Zone โซนที่ใช้ทำงานร่วมกัน: มีห้องประชุมกว่า 370 ห้อง ห้องเพื่อการระดมความคิด จัดนิทรรศการ Creative Zone โซนสร้างสรรค์ผลงาน: โซนนี้ให้บริการเฉพาะสมาชิกเท่านั้น มีโต๊ะทำงาน มีความเป็นส่วนตัวสูงขึ้น และ Chill Zone โซนพักผ่อนสบายๆ: โซนนี้เปิดให้บริการโดยทั่วไป มีพื้นที่เพื่อออกกำลังกาย นั่งพูดคุย และร้านอาหาร เป็นต้น
พื้นที่แห่งนี้ นับเป็นศูนย์รวมสตาร์ทอัพที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นเหมือนชุมชนของสตาร์ทอัพให้มาอยู่และแลกเปลี่ยนกันท่ามกลางความหลากหลาย เป็นโครงการระดับนานาชาติที่ดึงบริษัทนานาชาติ และผู้คนจากทั่วโลกมาทำงานร่วมกัน จึงทำให้ฝรั่งเศสมีโอกาสเป็นแถวหน้าของสตาร์ทอัพในระดับโลก
ส่วนประวัติ ของ Station F เดิมเป็นสถานีรถไฟเก่าชื่อ la Halle Freyssinet (เป็นที่มาของชื่อ Station F) ที่สร้างตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 1920 และไม่ได้มีการใช้งาน แต่ได้อนุรักษ์ไว้ ในปี 2011 เกือบมีการรื้อถอนสถานีรถไฟแห่งนี้ไป แต่เศรษฐีชาวฝรั่งเศส Xavier Niel เจ้าของกิจการผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ทที่ใหญ่อันดับ 2 และผู้ให้บริการโทรศัพท์ไร้สายอันดับ 3 ของฝรั่งเศสภายใต้ชื่อ Free ได้ทุ่มเงินซื้อและเปลี่ยนแปลงที่นี่ให้กลายเป็นแหล่งรวมสตาร์ทอัพที่ใหญ่ที่สุดในโลก