mai คาดเพิ่มมาร์เก็ตแคปได้อีกหมื่นล้านบาท หลังตั้ง เอ็มเอไอ แมทชิ่งฟันด์

ข่าวทั่วไป Thursday January 10, 2008 12:18 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--10 ม.ค.--ตลท.
ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ตั้งเป้าเพิ่มบริษัทจดทะเบียน 12 - 15 บริษัท ในปี 2551 ส่วนการจัดตั้งบริษัท เอ็ม เอ ไอ แม็ทชิ่ง ฟันด์ คาดว่าภายใน 3 ปี จะสามารถตั้งนิติบุคคลร่วมลงทุนอย่างน้อย 5 กองทุน เพื่อร่วม ลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพ 40 บริษัท หวังดันเข้าจดทะเบียน ซึ่งน่าจะเพิ่มมาร์เก็ตแคปได้อีกประมาณหมื่นล้านบาท สำหรับ ปี 2550 ที่ผ่านมา บริษัทจดทะเบียนใน mai 10 บริษัท ระดมทุนไปขยายธุรกิจรวม 1,479 ล้านบาท ทำให้มูลค่าการระดมทุนผ่าน mai ทั้งหมดสูงถึง 2.2 พันล้านบาท
นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่าในปี 2551 นี้ คาดว่าจะมีบริษัทเข้า จดทะเบียนเพิ่มขึ้นอีก 12-15 บริษัท คิดเป็นมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดประมาณ 6,000-8,000 ล้านบาท ซึ่งหากบริษัทจดทะเบียนในปัจจุบันเติบโตอย่างต่อเนื่อง ก็คาดว่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด ณ สิ้นปี 2551 จะอยู่ที่ประมาณ 60,000 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทไดเมท สยาม จำกัด(มหาชน) หรือ DIMET จะเข้าจดทะเบียนในตลาด mai เป็นรายแรกของปี ในวันจันทร์ที่ 21 มกราคมนี้
สำหรับความคืบหน้าของการจัดตั้งบริษัท เอ็ม เอ ไอ แม็ทชิ่ง ฟันด์ เพื่อประกอบธุรกิจกองทุนเพื่อการร่วม ลงทุน (Venture Capital) นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการจัดตั้งบริษัท ตามที่ได้รับอนุมัติจากสำนักงาน คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่ง คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน ไตรมาส 1 ของปี 2551
“เป้าหมายของการจัดตั้ง บริษัท เอ็ม เอ ไอ แม็ทชิ่ง ฟันด์ เพื่อกระตุ้นให้เกิดความตื่นตัวและความสนใจในธุรกิจเงินร่วมลงทุน มีผู้ลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศเข้ามาร่วมลงทุน เกิดการจัดตั้งนิติบุคคลร่วมลงทุนเพิ่มขึ้นในลักษณะทวีคูณ (Multiple Effect) ทำให้เกิดแหล่งระดมทุนสำหรับตลาดแรกผ่านธุรกิจเงินร่วมลงทุนอย่างกว้างขวาง เมื่อกิจการเหล่านี้เติบโตขึ้น ก็จะสามารถมาต่อยอดโดยการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ต่อไปได้ ซึ่งในต่างประเทศบริษัทจดทะเบียนที่มีการร่วมลงทุน (VC backed) มีสัดส่วน 30-40% ของบริษัท จดทะเบียนทั้งหมด” นายชนิตรกล่าว
ขณะนี้มีผู้จัดการกองทุนและผู้ร่วมลงทุน 4-5 รายสนใจร่วมจัดตั้งนิติบุคคลร่วมลงทุนกับบริษัท คาดว่าบริษัทจะสามารถจัดตั้งนิติบุคคลร่วมลงทุนรายแรกได้ภายในไตรมาส 2 ของปี 2551 นี้ โดยตั้งเป้าหมายว่าภายใน 3 ปี บริษัท เอ็ม เอ ไอ แม็ทชิ่ง ฟันด์ จะสามารถร่วมตั้งนิติบุคคลร่วมลงทุนได้อย่างน้อย 5 กองทุน ซึ่งจะทำให้เกิดการร่วมลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพประมาณ 40 บริษัท โดยหากกิจการที่ลงทุนสามารถเข้าจดทะเบียนได้ 20 บริษัท ก็จะสามารถเพิ่มมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดได้อีกประมาณหนึ่งหมื่นล้านบาท
ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ กล่าวต่อว่า สำหรับแผนการดำเนินงานของ mai ในปี 2551 นั้น สิ่งที่ mai ยังคงต้องทำอย่างต่อเนื่องก็คือ การส่งเสริมให้ผู้ลงทุนได้รับข้อมูลของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ผ่านบทวิเคราะห์หลักทรัพย์ ซึ่งในปีที่ผ่านมามีบทวิเคราะห์หลักทรัพย์ mai มากกว่า 300 ฉบับ โดยจำนวนนี้เป็นบทวิเคราะห์ในโครงการสนับสนุนการจัดทำบทวิเคราะห์ มากกว่า 100 ฉบับ ส่วนที่เหลือเป็นบทวิเคราะห์ที่นักวิเคราะห์ให้ความสนใจและจัดทำขึ้นเอง
“ที่ผ่านมาต้องยอมรับว่า โครงการสนับสนับสนุนการจัดทำบทวิเคราะห์ของ mai เป็นช่องทางที่ทำให้นักลงทุนได้รับข้อมูลอย่างแพร่หลาย จนเกิดความสนใจเข้ามาลงทุน ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้ภาพรวมการซื้อขาย รวมทั้งมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดใน mai คึกคักขึ้น” นายชนิตรกล่าว
นอกจากนี้ ในปี 2551 mai จะยังคงเน้นการจัดกิจกรรมเพื่อให้ข้อมูลแก่ผู้ลงทุนอย่างต่อเนื่อง อาทิ งาน “mai @ เยาวราช” ซึ่งจัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 เนื่องจากการจัดในปีแรกได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้ลงทุนย่านเยาวราชเป็น อย่างดี รวมถึงการจัดงานเสวนา “mai Stock Focus” ซึ่งเป็นงานต่อเนื่องจาก “mai คอหุ้น On Stage” สำหรับผู้ลงทุนต่างประเทศ ในปีนี้ mai จะมุ่งขยายฐานผู้ลงทุนสถาบันต่างประเทศให้มากขึ้น โดยในช่วงไตรมาส 1 ของปี 2551 นี้คาดว่าจะเดินทางไปให้ข้อมูลแก่ผู้ลงทุนสถาบันประเทศสิงคโปร์
สำหรับผลการดำเนินงานของตลาดหลักทรัพย์ mai ในปี 2550 นั้น mai มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และสามารถสร้างผลตอบแทนแก่ผู้ลงทุนเห็นได้จากดัชนี mai เพิ่มขึ้น โดย ณ วันที่ 28 ธันวาคม 2550 ดัชนี mai ปิดที่ 272.37 จุด เพิ่มขึ้นจากปี 2549 จำนวน 78.94 จุด หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 41 ขณะที่มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap.) ปรับตัวขึ้นมาปิดที่ระดับ 38,269 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 75 จาก มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดปี 2549 ซึ่งอยู่ที่ 21,810 ล้านบาท ด้านมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 339 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 200 จากสิ้นปี 2549 ที่มีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันเพียง 113 ล้านบาท
ด้านบรรยากาศการระดมทุนในตลาด mai ในช่วงปีที่ผ่านมา มีบริษัทเข้าจดทะเบียนจำนวน 6 บริษัท รวม มูลค่าการระดมทุน 770 ล้านบาท และบริษัทจดทะเบียนจำนวน 10 แห่ง ได้ใช้ตลาดทุนเป็นช่องทางในการระดมทุนเพิ่ม เพื่อขยายธุรกิจรวม 1,479 ล้านบาท รวมทั้งสิ้นเป็นเม็ดเงินระดมทุนรวมผ่าน mai 2.2 พันล้านบาท
ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 2550 mai มีบริษัทจดทะเบียนทั้งสิ้น 48 บริษัท และมีใบสำคัญแสดงสิทธิในการจองซื้อหุ้นสามัญ (Warrant) 6 แห่ง รวมทั้งสิ้น 54 หลักทรัพย์จดทะเบียน มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม 38,269 ล้านบาท โดยบริษัทจดทะเบียนใน mai ที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดอยู่ในระดับเกินกว่า 1 พันล้านบาทมีจำนวน 10 บริษัท และบริษัทจดทะเบียนที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดราว 500-1,000 ล้านบาทประมาณ 10 บริษัท
ผู้ลงทุนที่สนใจข้อมูลผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนสามารถศึกษาเข้าดูข้อมูลได้ ทาง www.mai.or.th หรือสมัครรับข้อมูลตลาด mai ฟรีทางอีเมล์ที่ e-newsletter@mai.or.th

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ