กรุงเทพฯ--16 พ.ย.--เดอะเวย์ คอมมิวนิเคชั่น
"MVP" เผยรายได้รวมไตรมาส 3/61 แตะ 168.44 ล้านบาท โต 91% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ด้านงาน Thailand Mobile Expo ครั้งที่ 3/61 ทำรายได้สูงสุด 42 ล้านบาท ย้ำธุรกิจหลักยังแข็งแกร่ง
นายโอภาส เฉิดพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เอ็ม วิชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ MVP เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/61 โดยบริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 168.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 79.94 ล้านบาท หรือเติบโต 90.33% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มีรายได้รวมอยู่ที่ 88.50 ล้านบาท ส่งผลในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2561 มีรายได้รวมอยู่ที่ 341.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 100.84 ล้านบาท หรือเติบโต 41.88% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มีรายได้รวมอยู่ที่ 240.79 ล้านบาท
"บริษัทมีรายได้จากการจัดงาน Thailand Mobile Expo ครั้งที่ 3/2561 สูงสุดตั้งแต่ก่อตั้งกิจการ โดยมีรายได้อยู่ที่ 42 ล้านบาท และงาน Thailand Mobile Expo ครั้งที่ 3/2561 ยังมียอดผู้เข้าชมงานเพิ่มขึ้น 10% และมียอดเงินสะพัดในงานดังกล่าวจำนวน 2,000 ล้านบาท โดยผู้เข้าชมงานส่วนใหญ่มีความสนใจอุปกรณ์ เทคโนโลยีไอทีที่เปิดตัว และมีการวางจำหน่ายครั้งแรกในงาน ตลอดจนถึงเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย" นายโอภาส กล่าว
อย่างก็ตามในไตรมาส 3/61 บริษัทได้บันทึกการปรับลดมูลค่าราคาทุนของสินค้าคงเหลือโทรศัพท์มือถือพิเศษให้เป็นมูลค่าสุทธิที่จะได้รับจำนวน 68.30 ล้านบาท เนื่องจากลูกค้าโครงการจัดจำหน่ายโทรศัพท์มือถือพิเศษไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง ไม่ซื้อสินค้าตามจำนวนที่ได้ตกลงกันไว้
ทั้งนี้ จึงส่งผลให้ไตรมาส 3/61 บริษัทมีผลขาดทุนที่ 54.63 ล้านบาท ลดลง จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 5.64 ล้านบาท และในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2561 มีการขาดทุนอยู่ที่ 31.85 ล้านบาท ลดลง จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 26.71 ล้านบาท
ณ วันที่ 30 กันยายน 2561 บริษัทมียอดสินค้าคงเหลือของโทรศัพท์มือถือสำหรับโครงการพิเศษนี้เป็นจำนวน 77.4 ล้านบาท ซึ่งสินค้าโทรศัพท์มือถือในสถานการณ์ปัจจุบันมีการแข่งขันที่สูง และราคาได้ปรับลดลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้บริษัทต้องบันทึกค่าเผื่อการปรับลดมูลค่าสินค้า เพื่อให้สอดคล้องกับราคาที่คาดว่าจะขายได้ของโทรศัพท์มือถือพิเศษดังกล่าว
อีกทั้งบริษัทยังอยู่ระหว่างยื่นคำให้การ และฟ้องแย้งบริษัทแห่งหนึ่งที่มีข้อตกลงร่วมกันในโครงการจัดจำหน่ายโทรศัพท์มือถือพิเศษ โดยทนายความของบริษัทมีความเห็นว่าบริษัทมิได้เป็นฝ่ายผิดข้อตกลงร่วมกันข้างต้น และฝ่ายบริหารของบริษัทเห็นว่าบริษัทจะไม่มีผลเสียหายที่เป็นสาระสำคัญต่อบริษัท ทำให้บริษัทไม่ได้ตั้งสำรองความเสียหายจากคดีที่ถูกกล่าวหาว่าไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงร่วมกันข้างต้นที่ถูกเรียกค่าเสียหายจำนวน 9.20 ล้านบาท
"ช่วงที่เหลือของปีนี้ผลประกอบการในส่วนของธุรกิจหลักยังเติบโตได้ดี โดยจะเห็นได้จากการที่รถบ้านที่ยังเต็มอย่างต่อเนื่อง เพราะว่าการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นช่วงไฮซีซั่น และบริษัทยังได้รับการติดต่อเข้ามาจากหลายจังหวัด หลังจากในปัจจุบันได้มีการขยายการให้บริการรถบ้านไปในสวนผลไม้ เช่น สวนละไม จังหวัดระยอง ที่ได้นำรถบ้านไปให้บริการจำนวน 15 คัน ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี และยอดจองเต็มทุกวัน โดยสถานที่ดังกล่าวยังมีอัตราการท่องเที่ยวซ้ำอยู่ที่ระดับ 30% ส่วนธุรกิจมือถือ ซึ่งได้จับฉลากพื้นที่งาน Thailand Mobile Expo ที่จะจัดครั้งต่อไปที่ ไบเทคบางนา ก็ยังมีกระแสตอบรับที่ดี ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าธุรกิจของเรายังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง" นายโอภาส กล่าว