กรุงเทพฯ--16 พ.ย.--สมาคมการค้าและการลงทุนเอเชียน-สากล
สมาคมการค้าและการลงทุนเอเชียน-สากล(AITIA)จัด"มหกรรมแสดงสินค้ามาตรฐานไทยและจีนส่งออก ครั้งที่ 8"(ASEAN (Bangkok) China Import & Export Commodities Fair (ACIEC 2018)) กระหึ่มอิมแพ็ค เมืองทองธานี 16-18 พฤศจิกายนนี้ เชื่อมโยงการค้า การลงทุน และวัฒนธรรมระหว่างไทยและจีน คาดเงินสะพัดทันที และต่อยอดการค้ามากกว่า500ล้านบาท
นายอู๋จื้ออี้ นายกสมาคมการค้าและการลงทุนเอเชียน-สากล (AITIA) เปิดเผยว่า สมาคมฯ ได้ร่วมกับภาครัฐของไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน จัดงาน "มหกรรมแสดงสินค้ามาตรฐานไทยและจีนส่งออก ครั้งที่ 8 (ASEAN (Bangkok) China Import & Export Commodities Fair (ACIEC 2018) ระหว่างวันที่ 16 – 18 พฤศจิกายน 2561 ณ Hall 1 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยมีนายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานพิธีเปิด ในวันศุกร์ที่ 16 พฤศจิกายน 2561 เวลา 9.30-11.00 น. และมีผู้บริหารจากภาครัฐของประเทศไทยอาทิ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(สสว.) และผู้บริหารภาครัฐจากสาธารณรัฐประชาชนจีน อาทิเมืองจู่หม่าเตี้ยน มณฑลเหอหนาน ,เมืองหลานโจว มณฑลกานซู่, เมืองสวี่ชาง มณฑลเหอหนาน ,เมืองหนานชาง มณฑลเจียงซี ,สำนักส่งเสริมการลงทุนมณฑลกุ้ยโจว ให้เกียรติร่วมพิธีเปิดอย่างยิ่งใหญ่ ภายในงานมีกิจกรรมไฮไลท์ของไทยและจีนที่น่าสนใจอย่างมากมายทั้ง3วัน อาทิการแสดงวัฒนธรรมจีน"หลานโจว ราเมียน" ที่มีชื่อเสียงจากเมืองหลานโจว มณฑลกานซู่ และกิจกรรมถ่ายภาพไทยย้อนยุคฟรี ณ บริเวณหมู่บ้านไทย (Thai Village ) และกิจกรรมสัมมนาใหญ่3งาน โดย2งานจัดในวันพิธีเปิด คือสัมมนาหัวข้อ"ความร่วมมือทางด้านการค้าและการลงทุนไทย-ฉงเหริน เพื่อก้าวสู่ตลาดอาเซียน" และสัมมนาหัวข้อ "ความร่วมมือทางด้านการค้าและการลงทุนไทย-หลานโจว เพื่อก้าวสู่ตลาดอาเซียน" และวันเสาร์ที่ 17พฤศจิกายน 2561 จัดสัมมนาหัวข้อ"รู้ก่อน รุ่งก่อน ติดความรู้สู่ตลาดจีน" นอกจากกิจกรรมสัมมนาฟรีด้านการค้าการลงทุน (Investment Forum) จะมีกิจกรรมเจรจาธุรกิจไทยและจีน (Business Matching) กับเมืองจือป๋อ มณฑลซานตง ซึ่งจัดวันเสาร์ที่ 17 พฤศจิกายน 2561ในอุตสาหกรรมต่างๆ อาทิ สินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูป ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องจักรกล บรรจุภัณฑ์ เครื่องสำอางและสปา เป็นต้น
นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ประธานเปิดงาน กล่าวว่า ประเทศไทยและจีนเปรียบเสมือนพี่น้องกัน ทั้งสองประเทศมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาอย่างยาวนาน ทั้งนี้ หลังจากที่มีการจัดตั้งเขตการค้า เสรีอาเซียน–จีน เศรษฐกิจการค้าระหว่างจีนและอาเซียนได้พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งประเทศไทยมีความได้เปรียบทางด้านทำเลที่ตั้งของประเทศ เนื่องจากตั้งอยู่ศูนย์กลางของอาเซียน ทำให้สามารถดึงดูดนักลงทุนจากเมืองจีนมาลงทุนไทยอย่างมากมาย ประกอบกับหลายปี
ที่ผ่านมา ระดับการบริโภคสินค้าไทยในจีนสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสินค้าทางเกษตรและเกษตรแปรรูปไทยที่ได้รับความนิยม อาทิ ข้าวหอมมะลิ มังคุด ทุเรียน มะม่วง หมอนยางพารา เป็นต้น
ปัจจุบันจีนเป็นตลาดส่งออกที่สำคัญ 1 ใน 3 ของประเทศไทย โดยในปี 2560 ที่ผ่านมา มูลค่าการส่งออกของสินค้าไทยไปยังจีนประมาณ 998,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น ร้อยละ 12.5 ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดของไทย ซึ่งหากพิจารณาในรายการสินค้าส่งออกของไทยจะพบว่า " กลุ่มสินค้าเกษตร และเกษตรแปรรูปของไทย " ยังเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพในตลาดจีน และเป็นอีกหนึ่งแรงผลักดันที่สำคัญต่อภาพรวมการส่งออกของไทย โดยสินค้าเกษตรส่งออกที่สำคัญ อาทิ ยางพารา ข้าว มันสำปะหลัง เป็นต้น ในขณะที่ประเทศไทยได้นำเข้าสินค้าจากสาธารณรัฐประชาชนจีน มูลค่าประมาณ 1,500,000 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 20 ของมูลค่าการนำเข้าสินค้าทั้งหมด โดยสินค้าหลักที่นำเข้าจากจีน อาทิ เครื่องจักรกล เครื่องใช้ไฟฟ้า เหล็กและเหล็กกล้า เป็นต้น
นายภูสิต กล่าวสรุปว่า การจัดงานมหกรรมแสดงสินค้ามาตรฐานไทยและจีนส่งออก ครั้งที่8 (ACIEC 2018) นับเป็นนิมิตหมายที่ดีในการช่วยส่งเสริมความร่วมมือทางด้านการค้าและการลงทุน ตลอดจนความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และเป็นสะพานเชื่อมโยงการค้า การลงทุน และวัฒนธรรมระหว่างไทยและจีน
นายอู๋จื้ออี้ ยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า บนพื้นที่การจัดงาน กว่า 5,000 ตรม. จะมีบริษัทผู้ผลิตสินค้าคุณภาพส่งออกของสาธารณรัฐประชาชนจีนมากกว่า10มณฑล และได้คัดเลือกสินค้าเอกลักษณ์ไทยที่มีชื่อเสียงและสินค้าไทยมาตรฐานส่งออก มากกว่า 1,000 รายการ มีผู้ประกอบการเข้าร่วมแสดงสินค้ากว่า 300 บริษัท งานนี้เป็นหนึ่งในเวทีสำคัญ สำหรับนักธุรกิจไทยและจีน ให้ได้มีโอกาสทำความรู้จัก แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นและทัศนคติต่อกัน นอกจากสินค้าจากประเทศไทย ก็ยังมีสินค้าที่มีชื่อสียงและมีศักยภาพมาตรฐานส่งออกจากประเทศเพื่อนบ้านคือประเทศลาว และกัมพูชา รวมทั้งสิ้นกว่า 200 บูธ เพื่อส่งเสริมและเปิดโอกาสทางธุรกิจ เชื่อมโยงการค้าและการลงทุนระหว่างไทยและจีน ในการขยายการค้าสู่ตลาดอาเซียนต่อไป
คาดว่าปีนี้จะมีมูลค่าการซื้อขายจับจ่ายใช้สอยภายในงานทันทีและออเดอร์ต่อยอดธุรกิจมากกว่าทุกปีที่ผ่านมามากกว่า 500 ล้านบาท มีผู้เข้าร่วมงานทั้งชาวไทยและชาวจีนมากกว่า 10,000 คน เป็นงานเดียวที่รวมภาครัฐ นักธุรกิจและผู้บริโภคชาวจีนมาเมืองไทยมากที่สุดแห่งปี2561 นายอู๋จื้ออี้ กล่าวในท้ายสุด