กรุงเทพฯ--19 พ.ย.--ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 32.80-33.15 ต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับปิดแข็งค่าที่ 32.98 ต่อดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้วหลังจากคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ลงมติ 4 ต่อ 3 เสียงให้คงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 1.50% ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 5.7 พันล้านบาท แต่ซื้อพันธบัตร 4.8 พันล้านบาท ขณะที่ดอลลาร์อ่อนค่าเทียบกับสกุลเงินสำคัญส่วนใหญ่โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง หลังตลาดแสดงความไม่มั่นใจมากขึ้นต่อทิศทางดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ ในระยะ 1-2 ปีข้างหน้า
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่า นักลงทุนจะให้ความสนใจกับกระแสข่าวงบประมาณอิตาลี, สถานการณ์การเมืองในสหราชอาณาจักรหลังรัฐมนตรี Brexit ประกาศลาออกจากตำแหน่ง และความสัมพันธ์ด้านการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน โดยตลาดเริ่มมีความหวังเกี่ยวกับการเจรจาทางการค้าซึ่งน่าจะจำกัดการแข็งค่าของเงินดอลลาร์จากปัจจัยลบของฝั่งยุโรปได้บ้าง ขณะที่ท้ายสัปดาห์ตลาดอาจผันผวนตามสภาพคล่องการซื้อขายที่ลดลง เนื่องจากสหรัฐฯ เข้าสู่ช่วงวันหยุดเทศกาลขอบคุณพระเจ้า
สำหรับปัจจัยในประเทศ สภาพัฒน์รายงานจีดีพีไตรมาส 3/2561 เติบโต 3.3% เทียบรายปีและขยายตัว 0.0% เทียบรายไตรมาส ซึ่งย่ำแย่กว่าที่ตลาดคาดไว้มาก ขณะที่ กนง.มองว่าการดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากในระดับปัจจุบันจะทยอยลดความจำเป็นลง มติคงดอกเบี้ยมีเสียงที่ไม่เอกฉันท์เพิ่มขึ้นโดยรอบล่าสุดมีกรรมการ 3 รายเห็นว่า เศรษฐกิจแข็งแกร่งเพียงพอและภาวะการเงินที่ผ่อนคลายมากเป็นเวลานานอาจนำมาซึ่งความเสี่ยงด้านเสถียรภาพในระยะยาวจึงเห็นควรให้ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย ขณะที่ในภาพรวม กนง.ประเมินว่าสงครามการค้าโลกเริ่มกระทบภาคส่งออกของไทย และยังมีปัจจัยชั่วคราว เช่น สภาพอากาศในเดือนกันยายน ส่วนเงินเฟ้อทั่วไปและเงินเฟ้อพื้นฐานมีทิศทางเพิ่มขึ้นใกล้เคียงกับที่คาดไว้ ขณะที่เงินบาทอ่อนค่าสอดคล้องกับสกุลเงินภูมิภาค และมีแนวโน้มผันผวนต่อไป ส่วนปัจจัยสำคัญที่กนง.จะพิจารณา ได้แก่ เงินเฟ้อ การขยายตัวทางเศรษฐกิจ และเสถียรภาพของระบบการเงิน เรามองว่าการสื่อสารกับตลาดบ่งชี้ถึงความชัดเจนว่า ทางการใกล้ปรับขึ้นดอกเบี้ย สนับสนุนการคาดการณ์ของเราที่ว่ากนง.มีแนวโน้มปรับขึ้นดอกเบี้ยสู่ระดับ 1.75% ในวันที่ 19 ธันวาคม แม้ข้อมูลจีดีพีล่าสุดจะอ่อนแอกว่าคาดเนื่องจากอุปสงค์นอกประเทศเป็นหลัก