กรุงเทพฯ--19 พ.ย.--วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส
สภาวะตลาดวันที่ 19 พฤศจิกายน 2561 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,217.70-1,223.62 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 19,050 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 50 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,000 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFZ18 อยู่ที่ 19,170 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 60 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,110 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.25 น. ของวันที่ 19/11/61)
แนวโน้มวันที่ 20 พฤศจิกายน 2561
เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) แสดงความระมัดระวังเกี่ยวกับแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งกระตุ้นให้เทรดเดอร์ประเมินอัตราความเร็วในการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐในอนาคตอีกครั้ง หลังนายริชาร์ด คลาริดา รองประธานเฟด แสดงความคิดเห็นที่ทำให้ตลาดพิจารณาคาดการณ์แนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยเขาเตือนเกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอลง โดยระบุว่า "นั่นเป็นสิ่งที่จะเกี่ยวข้อง"กับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ นอกจากนี้เขามองว่าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐอยู่ใกล้ระดับที่เฟดมองว่าเป็นอัตราอยู่ที่ระดับเป็นกลางและ"เป็นสิ่งที่สมเหตุสมผล" ขณะที่นายโรเบิร์ต แคปแลน ประธานเฟดสาขาดัลลัสให้สัมภาษณ์กับ Fox Business ว่า เขาคาดถึงการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ชะลอลงในยุโรปและจีน คำกล่าวดังกล่าวอาจจะบ่งชี้ว่า เฟดมีแนวโน้มชะลอการคุมเข้มทางการเงิน จนเกิดกระแสคาดการณ์ว่าแรงทะยานของดอลลาร์ใกล้ที่จะสิ้นสุดลงแล้วหรือไม่ ในขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีปรับตัวลงเล็กน้อย ปัจจัยดังกล่าวส่งผลเชิงบวกต่อราคาทองคำ นอกจากนี้ราคาทองคำได้รับแรงหนุนจากปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐกล่าว ว่า เขาอาจจะไม่เก็บภาษีเพิ่มขึ้นต่อสินค้าจีน หลังจากที่จีนส่งรายการมาตรการที่จีนเต็มใจที่จะดำเนินการเพื่อคลี่คลายความตึงเครียดทางการค้าให้กับสหรัฐ ปธน.ทรัมป์ เสริมว่า มี"สิ่งสำคัญ 4 หรือ 5 อย่างที่หายไป"ในรายการ 142 ประการที่จีนส่งมา ทำให้ดูเหมือนว่าความขัดแย้งทางการค้าผ่อนคลายลง แต่การประชุม APEC ที่เสร็จสิ้นลงในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ยังแสดงถึงทัศนะที่ขัดแย้งกันด้านการค้าระหว่างสหรัฐและจีน เมื่อรองปธน.ไมค์ เพนซ์ กล่าวว่า สหรัฐจะไม่ยอมอ่อนข้อให้กับจีนในความขัดแย้งทางการค้า และอาจจะภาษีเพิ่มเป็น 2 เท่า ถ้าจีนไม่ทำตามข้อเรียกร้องของสหรัฐ จนทำให้ผู้นำเอเชีย-แปซิฟิกไม่สามารถตกลงกันได้ในออกแถลงการณ์หลังเสร็จสิ้นการประชุมสุดยอดเอเปกในปาปัว นิวกินี ดังนั้นความไม่แน่นอนของสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ ส่งผลให้ราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวในกรอบ สำหรับมุมมองของวายแอลจีที่มีต่อราคาทองคำนั้น หากการอ่อนตัวของราคาทองคำยังคงสามารถยืนเหนือโซนบริเวณ 1,217-1,207 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ ราคาทองคำยังมีโอกาสทดสอบแนวต้าน ประเมินว่าหากราคาทองคำขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,230-1,237 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากไม่สามารถผ่านไปได้ ทำให้ราคาเกิดการอ่อนตัวลง ซึ่งการแกว่งตัวของราคาทองคำยังถือเป็นโอกาสเข้าซื้อขายเพื่อเก็งกำไร
กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจีมีมุมมองว่า หากราคาทองคำมีการปรับลดลงทดสอบแนวรับและไม่หลุดแนวรับโซน 1,217 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะนำนักลงทุนสามารถเข้าซื้อเก็งกำไร แต่สำหรับนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้น้อยแนะนำให้ชะลอการลงทุน ส่วนผู้ที่รับความเสี่ยงได้มากสามารถเก็งกำไรระยะสั้นได้ โดยรอจังหวะเข้าซื้อบริเวณแนวรับ 1,217-1,207 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และขายทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวขึ้น แต่ถ้าราคาหลุดโซน 1,207 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ให้ขายตัดขาดทุน ในขณะที่นักลงทุนที่มีทองคำในมือแนะนำทยอยขายทำกำไรตามบริเวณแนวต้าน 1,230-1,237 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,217 (18,950บาท) 1,207 (18,800บาท) 1,196 (18,600บาท)
แนวต้าน 1,237 (19,250บาท) 1,244 (19,350บาท) 1,253 (19,500บาท)
GOLD FUTURES (GFZ18)
แนวรับ 1,217 (19,110บาท) 1,207 (18,960บาท) 1,196 (18,780บาท)
แนวต้าน 1,237 (19,430บาท) 1,244 (19,540บาท) 1,253 (19,680บาท)
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999