กรุงเทพฯ--19 พ.ย.--วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส
สภาวะตลาดวันที่ 16 พฤศจิกายน 2561 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,212.90-1,218.25 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 19,000 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 50 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 18,950 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFZ18 อยู่ที่ 19,150 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 100 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,050 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.30 น. ของวันที่ 16/11/61)
แนวโน้มวันที่ 19 พฤศจิกายน 2561
ความยุ่งเหยิงทางการเมืองของอังกฤษเป็นปัจจัยกดดันการลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงและตลาดหุ้นในประเทศต่างๆ เนื่องจากร่างข้อตกลงเบร็กซิทของนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ ของอังกฤษประสบปัญหาขาดเสียงสนับสนุน รวมทั้งการลาออกของ นายโดมินิค ร๊าบ รัฐมนตรีเบร็กซิทและนางเอสเธอร์ แมคเวย์ รัฐมนตรีงานและบำนาญได้ลาออกจากตำแหน่ง เพื่อแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับร่างข้อตกลงเบร็กซิท บ่งชี้ถึงความเสี่ยงต่อตำแหน่งของเธอและภาวะไร้ข้อตกลงเบร็กซิท ทั้งนี้ หากร่างดังกล่าวถูกปฏิเสธจากรัฐสภาอังกฤษ รวมไปถึงหากเกิดกรณีการถอนตัวจาก EU ในวันที่ 29 มี.ค.โดยปราศจากโครงข่ายความปลอดภัยรองรับและแผนการประนีประนอมเพื่อต้องการรักษาความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับ EU ในอนาคต อาจสร้างความตื่นตระหนกในตลาดการเงิน แม้ว่าประเด็นดังกล่าวจะกระตุ้นแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย แต่ราคาทองคำขยับขึ้นไม่ไกลมากนัก เนื่องจากยังมีโอกาสที่จะมีการทำประชามติอีกรอบโดยมีตัวเลือกระหว่างการถอนตัวแบบไร้การประนีประนอมใดๆ และ การยังคงอยู่ใน EU ขณะที่การสำรวจของสกาย นิวส์ พบว่า 55% สนับสนุนการทำประชามติอีกรอบ ขณะที่ 54% การสนับสนุนการไม่ถอนตัว, 32% การถอนตัวแบบไร้ข้อตกลง และเพียง 14% สนับสนุนข้อตกลงของนายกฯเมย์ อย่างไรก็ตาม การลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงของจีนได้รับแรงหนุน จากเจ้าหน้าที่ของทางการจีนผ่อนคลายการควบคุมกฎระเบียบผ่อนคลายกฎระเบียบเกี่ยวกับการเทรดดิ้ง, การระดมทุน และการจดทะเบียนทางอ้อม เพื่อพยุงหุ้นที่เผชิญความลำบาก ส่งผลให้นักลงทุนกลับเข้าสู่ตลาดหุ้นของจีน จนทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยถูกลดความน่าสนใจลง นอกเหนือจากประเด็นที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว นักลงทุนจับตามองไปที่ความตึงเครียดทางการค้าสหรัฐ-จีน เพื่อใช้เป็นปัจจัยชี้นำราคาทองคำระยะถัดไป หลังจาก นสพ. ไฟแนนเชียล ไทม์สรายงานว่า นายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ตัวแทนการค้าสหรัฐกล่าวกับผู้บริหารอุตสาหกรรมบางรายว่า ได้มีการระงับภาษีของสหรัฐอีกรอบต่อสินค้านำเข้าของจีน แต่ต่อมาโฆษกของผู้แทนการค้าสหรัฐปฏิเสธข่าวดังกล่าว ประเมินว่าราคาทองคำในช่วงนี้ยังคงเคลื่อนไหวในกรอบในทิศทางที่อ่อนตัวลง ซึ่งจะเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักลงทุนเข้าซื้อขายเพื่อเก็งกำไรระยะสั้น เนื่องจากราคาทองคำมีแนวโน้มเคลื่อนไหวในลักษณะ Sideway Down
กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจีมีมุมมองว่า ราคาทองคำจะมีแนวโน้มที่จะแกว่งตัวออกด้านข้าง เบื้องต้นประเมินว่าหากราคาสามารถยืนเหนือบริเวณ 1,204-1,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้อย่างแข็งแกร่ง คาดว่าราคาจะค่อยๆขยับขึ้น แต่อาจขยับขึ้นได้ไม่มาก และยังมีแนวโน้มเป็นไปในลักษณะ Sideway Down โดยเมื่อราคาขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,224 ดอลลาร์ต่อออนซ์แต่หากยังไม่สามารถผ่านไปได้ แนะนำขายทำกำไรบางส่วน เพื่อรอเข้าซื้อเมื่อราคามีการย่อตัวเข้าใกล้บริเวณแนวรับ 1,204-1,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยหากราคาไม่หลุดแนวรับดังกล่าว ราคาทองคำยังมีโอกาสแกว่งตัวออกด้านข้าง
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,200 (18,700บาท) 1,191 (18,550บาท) 1,180 (18,400บาท)
แนวต้าน 1,224 (19,100บาท) 1,236 (19,300บาท) 1,244 (19,400บาท)
GOLD FUTURES (GFZ18)
แนวรับ 1,200 (18,870บาท) 1,191 (18,730บาท) 1,180 (18,550บาท)
แนวต้าน 1,224 (19,250บาท) 1,236 (19,430บาท) 1,244 (19,560บาท)
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999