กรุงเทพฯ--20 พ.ย.--สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล
ROMA นับเป็นผลงานที่ถือได้ว่า "ส่วนตัวมากที่สุด" ของผู้กำกับเจ้าของรางวัลออสการ์จาก Gravity อัลฟอนโซ กัวรอน ซึ่งเขาควบตำแหน่งทั้งเขียนบท กำกับ ถ่ายภาพ และตัดต่อเองเสร็จสรรพ
ROMA พาผู้ชมย้อนกลับไปยังเม็กซิโกซิตี้ ต้นทศวรรษที่ 70 ช่วงเวลาที่ประวัติศาสตร์ของเม็กซิโกกำลังถึงจุดเปลี่ยนผ่าน นักศึกษาหัวก้าวหน้าออกมาเรียกร้องสิทธิจากรัฐบาลที่มีทหารเป็นกองหนุนเพื่อทำลายโครงสร้างทางชนชั้นและความเหลื่อมล้ำของประเทศ
แต่แทนที่จะพูดเรื่องการเมืองโดยตรง กัวรอนกลับพาผู้ชมไปสำรวจความเป็นไปที่เล็กกว่านั้น หนังเล่าเรื่องชะตาชีวิตของครอบครัวชนชั้นกลางครอบครัวหนึ่งในย่านโรม่า ซึ่งมี โซเฟีย เป็นเสาหลักของบ้าน เธอเพิ่งแยกทางกับสามี แต่ก็ยังไม่กล้ายอมรับกับลูกๆทั้ง 4 อย่างตรงไปตรงมาว่า พ่อจะไม่กลับมาอยู่กับเราอีกแล้ว โซเฟียจึงต้องดูแลสมาชิกทุกคนด้วยตัวของเธอเอง โดยมีผู้ช่วยคนสำคัญคือ คลีโอ สาวรับใช้ที่คอยช่วยเหลือทุกอย่าง ไม่ต่างจากคนในครอบครัวเดียวกัน
ความเปลี่ยนแปลงกำลังเคลื่อนตัวเข้ามาหาทุกชีวิตในเม็กซิโก แต่มิตรภาพระหว่างโซเฟียและคลีโอ...คุณนายและสาวใช้...ที่อยู่นอกเหนือช่องว่างทางชนชั้นนั่นเอง ที่ทำให้ครอบครัวนี้ผ่านช่วงเวลาที่แสนยากลำบากนั้นมาได้
ประเทศเม็กซิโกถูกปกครองมาอย่างยาวนานโดยพรรคปฏิวัติสถาบัน (PRI) แต่ปัญหาความเหลื่อมล้ำกลับไม่ได้รับการแก้ปัญหา จนปะทุจนกลายเป็นความรุนแรงในปี 1968 (ปีเดียวกับที่เม็กซิโกเป็นเจ้าภาพโอลิมปิก) เมื่อรัฐบาลซึ่งมีกองทัพหนุนหลัง ตัดสินใจใช้กำลังเข้าจัดการกับกลุ่มนักศึกษาฝ่ายซ้ายที่มาเดินขบวน จนเกิดการสังหารหมู่ ที่เรียกกันว่า "การสังหารหมู่ตลาเตโลโก" รัฐบาลออกรายงานว่ามีผู้เสียชีวิต 44 คนในเหตุการณ์ปะทะ (แต่ในความเป็นจริงมีผู้เสียชีวิตและสูญหายนับ 400 คน)
ผลพวงหลังจากการปะทะในครั้งนั้น (คือฉากหลังใน ROMA) เม็กซิโกเข้าสู่ภาวะสงครามเย็นภายในประเทศเต็มรูปแบบ สหรัฐอเมริกาให้การสนับสนุนรัฐบาลเม็กซิโก ในการจัดการฝ่ายซ้ายหัวรุนแรงที่พยายามเปลี่ยนประเทศเป็นสังคมนิยม
สารจากผู้กำกับ
เหตุการณ์หลายช่วงในประวัติศาสตร์ ได้สร้างรอยแผลเป็นที่ลบเลือนไม่ได้ให้กับสังคม และในขณะเดียวกัน เหตุการณ์เหล่านั้นได้ส่งผลกระทบกับปัจเจกบุคคลเช่นตัวเรา ให้พวกเรากลายมาเป็นอย่างที่พวกเราเป็นทุกวันนี้
พวกเรามีชีวิตอยู่ในกรอบจำกัดของเวลาและสถานที่ แต่เวลาและสถานที่ได้นิยามความเป็นตัวเราอย่างเลี่ยงไม่ได้ และมันได้ผูกชีวิตของเราเข้ากับชีวิตของคนอื่นในเวลาหรือสถานที่เดียวกันอย่างน่าอัศจรรย์
ROMA เป็นความพยายามของผมที่จะบันทึกช่วงเวลาในความทรงจำเหล่านั้น ที่ผมเคยประสบพบเจอมาเมื่อเกือบห้าสิบปีก่อน ตอนที่โครงสร้างทางชนชั้นในเม็กซิโกถึงจุดปะทุแตกหัก จนทำให้สถานะและเชื้อชาติของผู้คนเปลี่ยนแปลงจวบถึงปัจจุบัน
รวมทั้งยังเป็นการแสดงความแข็งแกร่งของผู้หญิงหลายๆคนในชีวิตวัยเด็กของผม ที่เลี้ยงดูผมมาด้วยความรัก ความรักซึ่งเป็นพลังเหนือสถานที่ เหนือความทรงจำ และเหนือกาลเวลาทั้งปวง
เกร็ดภาพยนตร์
ROMA เป็นการกลับไปทำหนังที่พูดภาษาสเปนอีกครั้งของกัวรอน นับตั้งแต่ Y Tu Mama Tambien ในปี 2001
กัวรอนให้สัมภาษณ์ว่า กว่า 90% ของเนื้อเรื่องในหนังนั้นมาจากความทรงจำของเขา ส่วนที่เหลือเป็นการประกอบช่องว่างทางความทรงจำเหล่านั้น
แม้กัวรอนจะเป็นผู้กำกับภาพให้หนังสั้นของตัวเองหลายเรื่องแล้ว แต่ ROMA นั้นถือเป็นครั้งแรกที่กัวรอนรับตำแหน่งตากล้องหนังยาวเอง เขาเล่าว่า แต่เดิมเขาวางตัว เอ็มมานูเอล ลูเบสกี้ ผู้กำกับภาพคู่บุญไว้แล้ว แต่ลูเบสกี้ต้องขอถอนตัวในวินาทีสุดท้ายเพราะยังติดงานหนังเรื่องอื่นอยู่ กัวรอนติดต่อผู้กำกับภาพอีกหลายคน แต่ไม่มีใครว่าง (เขาอยากใช้ตากล้องเม็กซิกัน และพูดภาษาสเปนได้เท่านั้น) เขาจึงจำยอมตัดสินใจ รับตำแหน่งนี้ด้วยตนเอง
ROMA ถ่ายโดยใช้เลนส์ 65 มม. และถ่ายเป็นหนังขาวดำ โดยใช้นักแสดงหน้าใหม่เกือบทั้งหมด
ROMA ชนะรางวัล สิงโตทองคำ ปี 2018 ซึ่งเป็นรางวัลสูงสุดของเทศกาลภาพยนตร์เมืองเวนิซ
ตัวอย่างภาพยนตร์
https://youtu.be/kywm7XZ7mXE