กรุงเทพฯ--20 พ.ย.--เวิร์คลิ้งค์ ดาเอเจนซี่
รศ.ดร.เฉลียว วิทูรปกรณ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EPG ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์โพลีเมอร์และพลาสติกแปรรูปชั้นนำของโลก เปิดเผยว่าในปีนี้บริษัทกำหนดกลยุทธ์ The New S-Curve ใช้เป็นแนวทางในการดำเนินงานเพื่อรองรับการเติบโตอย่างยั่งยืนใน 3 กลุ่มธุรกิจ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาสินค้านวัตกรรมและเทคโนโลยีในการผลิต เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ซึ่งบริษัทได้ทยอยนำสินค้านวัตกรรมออกสู่ตลาดแล้ว รวมถึงใช้กลยุทธ์ในการตั้งราคาขายและการบริหารจัดการต้นทุน อีกทั้ง มุ่งเน้นการขยายตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น สำหรับแนวโน้มธุรกิจและทิศทางการเติบโตในช่วงต่อจากนี้ (ตุลาคม 2561 – มีนาคม 2562) ยังคงดำเนินการตามแผนกลยุทธ์ โดยคาดว่าทั้งปีจะมีรายได้จากการขายเพิ่มขึ้นประมาณ 12% จากการสนับสนุนของ 3 ธุรกิจหลัก
ธุรกิจฉนวนกันความร้อน/เย็น ภายใต้แบรนด์ AEROFLEX ยังคงมุ่งเน้นทำการตลาดในกลุ่มสินค้าพรีเมี่ยม ทั้ง ในประเทศและต่างประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และ อาเซียน เป็นต้น
ในด้านการผลิตที่ผ่านมาได้ลงทุนปรับปรุงไลน์การผลิตในสหรัฐอเมริกา โดยใช้เครื่องจักรอัตโนมัติความเร็วสูง เนื่องจากเห็นโอกาสการเติบโตในสหรัฐอเมริกา จากความต้องการใช้สินค้าที่เพิ่มขึ้น รวมถึงต้องการลดค่าใช้จ่ายในกระบวนการผลิต หากไลน์การผลิตใหม่ในสหรัฐอเมริกาสามารถเพิ่มอัตราการใช้กำลังการผลิตได้จะส่งผลให้กำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นตาม สำหรับประเทศไทยได้ลงทุนขยายโรงงานใหม่คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณกลางปี 2562
ธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์ภายใต้แบรนด์ AEROKLAS ได้ทยอยส่งผลิตภัณฑ์นวัตกรรมหลายชนิดออกสู่ตลาด ได้แก่ การปรับปรุงโมเดลใหม่จากผลิตภัณฑ์หลักของ AEROKLAS/ ผลิตภัณฑ์กันชนท้ายกระบะซึ่งผลิตจากโพลีเมอร์ที่มีความแข็งแรงทนทานแต่มีน้ำหนักเบา / EZ UP & DOWN TAIL GATE ASSIST ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้การเปิดปิดท้ายรถกระบะง่ายขึ้น และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่จะทยอยออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง
สำหรับธุรกิจในประเทศออสเตรเลีย TJM Products Pty.Ltd (TJM) และ Flexiglass Challenge Pty.Ltd (Flexiglass) ซึ่งเป็นช่องทางจัดจำหน่ายที่สำคัญของ AEROKLAS มีการขยายตลาดในประเทศออสเตรเลียอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน TJM มีสาขา 3 แห่ง ตั้งอยู่ที่ Perth 2 แห่ง และ Brisbane 1 แห่ง ทำให้มีร้านค้าภายใต้แบรนด์ TJM จำนวน 64 แห่ง Flexiglass มีสาขา 5 แห่ง และช่องทางการจัดจำหน่ายกว่า 100 แห่ง อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับกลุ่มธุรกิจ Aeroklas ได้นำกลยุทธ์ synergy มาใช้ดำเนินงาน
ธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติก ภายใต้แบรนด์ EPP เร่งทำการตลาดมากขึ้นในกลุ่มสินค้าบรรจุภัณฑ์พลาสติกประเภทกล่องใส่อาหารและถ้วยน้ำดื่ม ส่วนลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรม EPP มีศักยภาพเพียงพอที่จะรองรับงานด้วยความพร้อมของกระบวนการผลิต และมาตรฐานความสะอาด ความปลอดภัยทางด้านอาหารที่ได้รับการรับรองจากองค์กรชั้นนำหลายแห่งทั่วโลก โดยเมื่อเร็วๆ นี้ ได้รับมาตรฐาน The British Retail Consortium (BRC) มาตรฐานความปลอดภัยทางอาหาร (food safety) ของสหราชอาณาจักร ทำให้สามารถขยายฐานลูกค้าไปสู่กลุ่มอุตสาหกรรมผลิตอาหารเพื่อส่งขายในสหราชอาณาจักร ได้อีกด้วย
สำหรับผลประกอบการงวด 6 เดือนของปี 2561/62 (เมษายน-กันยายน 2561) บริษัทมีรายได้จากการขายทั้งสิ้น 5,306 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% มีกำไรสุทธิ 567 ล้านบาท ลดลง 2% จากงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า ขณะที่ไตรมาสที่ 2 ปี 2561/62 (กรกฎาคม-กันยายน 2561) บริษัทมีรายได้จากการขาย 2,682 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% มีกำไรสุทธิ 262 ล้านบาท ลดลง 10% โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 28% ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้แบ่งเป็น AEROKLAS 50% AEROFLEX 30% และ EPP 20%
รศ.ดร.เฉลียว กล่าวต่อว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2561 มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2 ปี 2561/62 สิ้นสุด 30 กันยายน 2561 ในอัตราหุ้นละ 0.08 บาท (แปดสตางค์) รวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 224 ล้านบาท โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่จะมีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) วันที่ 28 พฤศจิกายน 2561และกำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 7 ธันวาคม 2561
บริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EPG:
ดำเนินธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) โดยมีธุรกิจหลักคือ ฉนวนยางกันความร้อน/เย็น ภายใต้แบรนด์ AEROFLEX ชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์ ภายใต้แบรนด์ AEROKLAS และบรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม ภายใต้แบรนด์ EPP ทั้ง 3 ธุรกิจ ประสบความสำเร็จและเติบโตได้ด้วยนวัตกรรมที่สร้างสรรค์ เป็นผู้นำทั้งตลาดในประเทศ และต่างประเทศ มีโรงงานรวมถึงเครือข่ายการจัดจำหน่ายที่ครอบคลุมกว่า 100 ประเทศทั่วโลก