กรุงเทพฯ--21 พ.ย.--แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์
พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดตัวคนรุ่นใหม่กว่า 30 ชีวิต จากหลากหลายสาขาอาชีพ รวมเป็น ขุมพลังทางด้านสมอง ร่วมกันขับเคลื่อนประเทศชาติให้พัฒนายิ่งขึ้นไป
เมื่อเช้านี้ 21 พ.ย. 2561 ณ ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ นำทีมคนรุ่นใหม่กว่า 30 ชีวิต ที่พร้อมใจกันเข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของพรรค ในการผลักดันแก้ปัญหาและพัฒนาประเทศ เข้าสมัครเป็นสมาชิกพรรคฯ โดยมี นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรคพลังประชารัฐ ให้การต้อนรับ
คนรุ่นใหม่ที่เข้าสมัครเป็นสมาชิกพรรคฯ อาทิ "ดร. ไกรเสริม โตทับเที่ยง" ผู้บริหารธุรกิจด้านอาหาร, "จักรวี วิสุทธิผล" ทายาทธุรกิจประกันภัย, "ณริช ผลานุรักษา" อาจารย์จากคณะสถาปัตยกรรม จุฬาฯ ซึ่งจบการศึกษาปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด, "ดร. พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์" อดีตที่ปรึกษา ประธานคณะกรรมาธิการการศึกษา วุฒิสภา และอาจารย์พิเศษด้านอาชญาวิทยา, "ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์" นักสร้างแบรนด์, "ชวนันท์ สุรเดชะ" วิศวกรผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม, "ภก.คมสัณห์ ฐานะโชติพันธุ์" ผู้สนใจงานด้านสาธารณสุข เป็นต้น
นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐเล็งเห็นโอกาสที่ประเทศชาติจะได้พัฒนา จึงได้เปิดเวทีเพื่อให้คนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความสามารถ มาร่วมกันขับเคลื่อนประเทศ ผ่านการระดมสมอง คิดนโยบาย และผลักดันให้เป็นรูปธรรม
"โดยคนรุ่นใหม่เหล่านี้ มาจากหลากหลายสาขาอาชีพ ล้วนมีความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ในหน้าที่การงาน ไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจหรือนักวิชาการ เพราะคนรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยที่มีทักษะความรู้ มีอยู่ในทุกแขนง ทั้งจากสายสังคม สิ่งแวดล้อม สายการเกษตร อย่างนี้เป็นต้น ซึ่งคนรุ่นใหม่ที่หลากหลายสาขาอาชีพเหล่านี้ เป็นบุคลากรที่มีศักยภาพสูง และเป็นกำลังสำคัญที่จะช่วยเปลี่ยนแปลงประเทศของเราให้เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นกว่าเดิม พวกเขาจะเข้ามาเป็น "มันสมองของพรรค" ที่มาร่วมแรงร่วมใจกันเพื่อนำพาประเทศให้ก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างครอบคลุมรอบด้านทุกมิติ
ผมคิดว่า ความใกล้ชิด สร้างความคุ้นเคยกับประชาชน และการทำงานในพื้นที่ต่อเนื่องทุกวัน เป็นเรื่องท้าทายสำหรับคนรุ่นใหม่ เพราะหลายคนยังไมมีประสบการณ์ทางการเมือง พรรคฯ จึงต้องเสริมทีมงานที่มีประสบการณ์ทำงานพื้นที่แต่ละแห่ง ซึ่งคนรุ่นใหม่เองก็ได้มีโอกาสไปทำงานลงพื้นที่บ้างแล้ว จากนี้ไปหาก ชี้ชัดว่าใครเหมาะสมดูแลพื้นที่ใด คงเป็นเรื่องการทำงานที่หนักหน่วง และการวางกลยุทธ์ เพื่อช่วงชิงคะแนนเสียงพื้นที่นั้นมา"