กรุงเทพฯ--26 พ.ย.--วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส
สภาวะตลาดวันที่ 26 พฤศจิกายน 2561 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,221.90-1,228.04 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 19,200 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 50 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,150 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFZ18 อยู่ที่ 19,310 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 40 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,270 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.15 น. ของวันที่ 26/11/61)
แนวโน้มวันที่ 27 พฤศจิกายน 2561
ความขัดแย้งอย่างต่อเนื่องระหว่างอิตาลีและสหภาพยุโรป (EU) เกี่ยวกับงบประมาณการใช้จ่ายเสรีของรัฐบาลอิตาลี ซึ่งละเมิดกฎการคลังของคณะกรรมาธิการยุโรป(EC) สร้างแรงกดดันต่อยูโรจนกดดันราคาทองคำในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากอิตาลีเสี่ยงที่จะเผชิญกับกระบวนการทางวินัยจากประเทศอื่นๆในยุโรป หลังจากที่อิตาลีเสนองบประมาณขาดดุลปี 2562 โดยได้ปรับเพิ่มเป้าหมายงบประมาณเมื่อเทียบกับเป้าหมายที่ตกลงไว้โดยรัฐบาลชุดก่อน อย่างไรก็ตาม ล่าสุดรายงานข่าวระบุว่า รัฐบาลอิตาลีพยายามหารือการปรับลดเป้าหมายยอดขาดดุลที่อาจจะเป็นไปได้ ซึ่งนายมัตเตโอ ซาลวีนี รองนายกรัฐมนตรีอิตาลีเปรยว่า มีความเป็นไปได้ที่จะมีการปรับเป้าหมายยอดขาดดุลของประเทศสำหรับปีหน้า ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวพยุงสกุลเงินยูโรและราคาทองคำไว้ นอกจากนี้ แนวโน้มการหารือและการประกาศเกี่ยวกับมาตรการด้านการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนยังเป็นจุดสนใจของนักลงทุนในตลาด โดยมีการคาดหวังว่า ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐและปธน.สี จิ้นผิงของจีน จะมีการพบปะกันนอกรอบการประชุมสุดยอดผู้นำ G20 ที่กรุงบัวโนส ไอเรส ประเทศอาร์เจนติน่า ในวันที่ 30 พ.ย.-1 ธ.ค. ว่าจีนจะสามารถโน้มน้าวสหรัฐให้เลื่อนการปรับขึ้นอัตราภาษีสินค้านำเข้าจากจีนซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในเดือนม.ค.ปี 2562 ออกไป ซึ่งสินค้าจีน วงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ที่จะถูกสหรัฐเก็บภาษีในอัตรา 10% จะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 25% ภายในเดือนม.ค.ปีหน้า ซึ่งยังถือว่ามีโอกาสสำหรับการเจรจาต่อรองระหว่างกัน หากความขัดแย้งทางการค้าลดลงอาจจะเห็นแรงขายดอลลาร์ ซึ่งเป็นผลดีต่อราคาทองคำ อย่างไรก็ตามดอลลาร์สามารถเคลื่อนไหวในระดับสูง ขณะที่นักลงทุนประเมินว่าดอลลาร์จะยังคงมีแนวโน้มช่วงขาขึ้น เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) อยู่ในทิศทางการคุมเข้มนโยบายการเงิน ซึ่งแนะนำติดตามถ้อยแถลงของเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ที่จะไปพูดที่นิวยอร์คในคืนวันพุธ และติดตามรายงานการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน(FOMC) ของเฟด ประจำ วันที่ 7-8 พ.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งจะเปิดเผยในคืนวันพฤหัสบดีนี้ เบื้องต้นวายแอลจีประเมินว่าหากราคาทองคำได้ดีดตัวขึ้นทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,231-1,237 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ไม่สามารถผ่านไปได้ ทำให้ราคาทองคำมีแนวโน้มจะอ่อนตัวลงทดสอบแนวรับบริเวณ 1,212-1,209 ดอลลาร์ต่อออนซ์อีกครั้ง แต่หากสามารถผ่านไปได้ ราคาทองคำจะมีโอกาสขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไป
กลยุทธ์การลงทุน วายแอลจีมีมุมมองว่า หากราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวต่ำกว่าแนวต้านโซน 1,231-1,237 ดอลลาร์ต่อออนซ์จะทำให้ราคาทองคำอ่อนตัวลงเพื่อพักฐาน โดยหากราคาทองคำสามารถยืนเหนือแนวรับได้อย่างแข็งแกร่ง คาดว่าราคาน่าจะเกิดแรงซื้อเก็งกำไรระยะสั้นให้ราคาดีดกลับขึ้นอีกครั้ง สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้แนะนำให้ถือต่อเพื่อทำกำไรบริเวณแนวต้าน 1,244 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากยืนเหนือแนวต้านไม่ได้ต้องระมัดระวังแรงขายที่ออกมาอาจทำให้ราคาย่อตัวลงสู่แนวรับ สำหรับผู้ที่ไม่มีทองคำในมือรอดูบริเวณ 1,212-1,209 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากสามารถยืนได้อย่างมั่นคง ถือเป็นจุดซื้อเก็งกำไรระยะสั้น แต่หากราคาหลุดแนวรับ 1,209 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะนำให้ชะลอการลงทุนเพื่อรอดูสถานการณ์ และควรตั้งจุดตัดขาดทุนหากราคาไม่เป็นไปตามคาดการณ์
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,209 (18,850บาท) 1,196 (18,650บาท) 1,187 (18,500บาท)
แนวต้าน 1,237 (19,300บาท) 1,244 (19,400บาท) 1,256 (19,600บาท)
GOLD FUTURES (GFZ18)
แนวรับ 1,209 (19,040บาท) 1,196 (18,840บาท) 1,187 (18,700บาท)
แนวต้าน 1,237 (19,480บาท) 1,244 (19,590บาท) 1,256 (19,780บาท)
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999