กรุงเทพฯ--11 ม.ค.--ก.พลังงาน
ก.พลังงาน เดินหน้า โครงการประกวดบ้านจัดสรรดีเด่น และการอนุรักษ์พลังงานในอาคารโดยการติดฉลาก มั่นใจลดการใช้พลังงานของประเทศไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาทต่อปี พร้อมส่ง พพ. ให้แรงจูงใจภาคเอกชน ร่วมโครงการ หวังกระตุ้นให้ประชาชนเลือกซื้อบ้านอนุรักษ์พลังงานเพิ่มขึ้น
ดร.ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานมอบรางวัล โครงการประกวดบ้านจัดสรรอนุรักษ์พลังงานดีเด่น ปี 2550 พร้อมมอบฉลาก โครงการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานในอาคารโดยการติดฉลาก แก่ผู้ประกอบการบ้านจัดสรรและเจ้าของอาคาร ที่ให้ความสนใจร่วมส่งแบบเข้าประกวด กว่า 900 แห่ง โดยมีบ้านจัดสรร 24 แบบที่ได้รับรางวัล และอาคารอีก 6 แห่งที่ได้รับฉลาก
ดร.ปิยสวัสดิ์ กล่าวว่า กระทรวงพลังงานได้ดำเนินโครงการเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงานในบ้านพักอาศัยหลายโครงการ ทั้งในส่วนของโครงการประกวดบ้านจัดสรรอนุรักษ์พลังงาน และโครงการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานในอาคารโดยการติดฉลาก โดยกระทรวงพลังงานมั่นใจว่าทั้ง 2 โครงการนี้ จะเป็นส่วนสำคัญในการส่งเสริมการประหยัดพลังงานของประเทศ ได้ไม่น้อยกว่า 10 % หรือคิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท /ปี
ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้ กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) เป็นผู้ดำเนินการ เพื่อมุ่งเน้นให้กลุ่มผู้ประกอบการบ้านจัดสรรหันมาให้ความสำคัญในการออกแบบ ก่อสร้างบ้านจัดสรรที่อยู่สบายและประหยัดพลังงาน พร้อมทั้งยังเป็นการกระตุ้นให้ผู้เลือกซื้อบ้าน หันมาให้ความสนใจในการเลือกซื้อบ้านที่อนุรักษ์พลังงานเพิ่มมากขึ้น
ดร.พานิช พงศ์พิโรดม อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน(พพ.) กล่าวว่า การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานในอาคารโดยการติดฉลาก ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้เจ้าของอาคารในโครงการอสังหาริมทรัพย์ ทั้งอาคารประเภทบ้านพักอาศัยจัดสรร อาคารชุด อาคารสำนักงาน ห้องสมุด โรงพยาบาล โรงแรม ศูนย์แสดงสินค้า ศูนย์การค้า ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล เข้าร่วมโครงการฯ โดยจะดำเนินโครงการเป็นเวลา 3 ปี จนถึงปี 2552 ทั้งนี้ผู้เข้าร่วมโครงการ จะได้รับการบริการตรวจสอบไปจนถึงขั้นตอนการก่อสร้างจนอาคารแล้วเสร็จแล้วประเมินอาคารอีกครั้งเพื่อติดฉลากให้แก่อาคารที่ผ่านเกณฑ์ โดยไม่เรียกเก็บค่าใช้จ่ายในทุกกรณี
"ปัจจุบันประเทศไทยมีปริมาณการใช้พลังงานไฟฟ้าในบ้านอยู่อาศัยและอาคารธุรกิจ คิดเป็นปริมาณที่ใช้กว่า 67,000 ล้านหน่วย หรือคิดเป็นจำนวนเงินประมาณ 200,000 ล้านบาท ซึ่งหากโครงการฯ ดังกล่าวประสบความสำเร็จ ก็ช่วยให้ประเทศชาติ และประชาชนสามารถประหยัดการใช้พลังงานได้มหาศาล"
ดร.พานิช กล่าว