กรุงเทพฯ--27 พ.ย.--เอบีเอ็ม
บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) นำโดย นายธนา ไชยประสิทธิ์ (ที่ 3 จากซ้าย) รองประธานคณะกรรมการบริหาร บมจ.โอสถสภา และ ดร. สาย ซามทุน (ที่ 3 จากขวา) ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ลอย เฮง จำกัด และกรรมการบริษัท โอสถสภา เมียนมาร์ จำกัด เป็นประธานร่วมในพิธีเปิดหน้าดินเพื่อก่อสร้างโรงงานผลิตเครื่องดื่มแห่งใหม่ ณ นิคมอุตสาหกรรมติละวา โซนบี กรุงย่างกุ้ง สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ โดยมีนางวรรณิภา ภักดีบุตร (ที่ 2 จากซ้าย) กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.โอสถสภา และ นายประธาน ไชยประสิทธิ์ (กลาง) รองประธานคณะกรรมการบริหาร บมจ.โอสถสภา ร่วมในพิธี เมื่อเร็วๆ นี้ โดยโรงงานนี้นับเป็นโรงงานแห่งแรกของโอสถสภาในเมียนมาร์เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจในอนาคต
บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำของไทย และบริษัท ลอย เฮง จำกัด ผู้นำในธุรกิจน้ำดื่มและเครื่องดื่มขนาดใหญ่ที่สุดของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ จัดพิธีเปิดหน้าดินเพื่อก่อสร้างโรงงานผลิตเครื่องดื่มแห่งใหม่ที่นิคมอุตสาหกรรมติละวา กรุงย่างกุ้ง เพื่อรุกขยายธุรกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมเพิ่มสัดส่วนรายได้ต่างประเทศ นางวรรณิภา ภักดีบุตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า "โอสถสภามีเป้าหมายในการขยายการลงทุนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในตลาดหลัก ได้แก่ เมียนมาร์ ลาว กัมพูชา เวียดนาม และอินโดนีเซีย ซึ่งมีการเติบโตทางเศรษฐกิจในระดับสูง ด้วยเล็งเห็นถึงการเติบโตของตลาดค้าปลีกของเมียนมาร์ที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นทุกปี บริษัทฯ จึงได้ร่วมกับบริษัท ลอย เฮง จำกัด พันธมิตรทางธุรกิจในเมียนมาร์ ก่อสร้างโรงงานผลิตเครื่องดื่มแห่งใหม่ที่นิคมอุตสาหกรรมติละวา เพื่อรองรับการเติบโตและสนองความต้องการของผู้บริโภคชาวเมียนมาร์ โดยนับเป็นโรงงานผลิตแห่งแรกของโอสถสภาในเมียนมาร์ และเป็นความก้าวหน้าที่สำคัญเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการเป็นผู้นำตลาดธุรกิจเครื่องดื่มบำรุงกำลังในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของบริษัทฯ"
สำหรับโรงผลิตเครื่องดื่มแห่งใหม่ดังกล่าว ตั้งอยู่บนพื้นที่ 83 ไร่ ในนิคมอุตสาหกรรมติละวา โซนบี กรุงย่างกุ้ง ดำเนินการก่อสร้างโดยบริษัท โอสถสภา เมียนมาร์ จำกัด ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่างบริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 85 และบริษัท ลอย เฮง จำกัด ร้อยละ 15 มูลค่าการลงทุนรวมทั้งสิ้นประมาณ 2,400 ล้านบาทซึ่งแหล่งเงินทุนมาจากเงินที่ได้รับจากการเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา คาดว่าโรงงานจะก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดดำเนินการภายในไตรมาส 4 ปี พ.ศ. 2562 โดยจะผลิตเครื่องดื่มของโอสถสภาเพื่อจัดจำหน่ายในตลาดเมียนมาร์ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการผลิตและการจัดจำหน่าย รวมถึงสามารถตอบสนองความต้องการของตลาดได้ดียิ่งขึ้น
"ด้วยความแข็งแกร่งของผลิตภัณฑ์และความสามารถในการแข่งขันทางการตลาดที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค การมีช่องทางการจัดจำหน่ายที่ครอบคลุม ประกอบกับการมีพันธมิตรที่แข็งแกร่งอย่างบริษัท ลอย เฮง จำกัด ซึ่งได้ดำเนินธุรกิจร่วมกันมายาวนาน ทั้งหมดนี้ช่วยสนับสนุนให้โอสถสภามีการเติบโตที่ดี และมีสัดส่วนมูลค่าค้าปลีกเครื่องดื่มบำรุงกำลังเป็นอันดับหนึ่งของเมียนมาร์ โดยมีส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 38 บริษัทฯ คาดว่า เมื่อโรงงานผลิตแห่งใหม่ในเมียนมาร์เริ่มดำเนินงานจะทำให้บริษัทฯ มีอัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น เนื่องจากการผลิตสินค้าเอง รวมทั้งบริษัทฯ ยังมีแผนที่จะขยายเส้นทางจัดจำหน่ายใหม่ๆ เพิ่ม เพื่อให้ครอบคลุมและเข้าถึงผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น รวมทั้งการดำเนินกลยุทธ์ที่เน้นทำการตลาดในท้องถิ่น จะทำให้บริษัทฯ สามารถขยายส่วนแบ่งทางการตลาดและมีการเติบโตของรายได้เพิ่มขึ้นในอนาคตตามเป้าหมาย" นางวรรณิภา กล่าวสรุป
ภาพประกอบ พิธีเปิดหน้าดินเพื่อก่อสร้างโรงงานเครื่องดื่มแห่งใหม่ ณ นิคมอุตสาหกรรมติละวา
ข้อมูลเกี่ยวกับโอสถสภา
โอสถสภา ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำของประเทศ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2434 และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อเดือนตุลาคม ปี พ.ศ. 2561 ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา โอสถสภามุ่งมั่นในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ด้วยนวัตกรรมที่ทันสมัยเพื่อเสริมสร้างชีวิตให้แก่ผู้บริโภคและสังคม ภายใต้แนวคิด "พลังเพื่อเสริมสร้างชีวิต"
โอสถสภามีการดำเนินธุรกิจหลัก 4 กลุ่ม ประกอบด้วย 1) กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มที่ไม่ผสมแอลกอฮอล์ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มบำรุงกำลัง เครื่องดื่มเกลือแร่ กาแฟพร้อมดื่ม และเครื่องดื่มที่มีการเติมส่วนผสมเพื่อให้ได้คุณสมบัติเฉพาะ 2) กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคลของบริษัทฯ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กและผลิตภัณฑ์ความงามสำหรับผู้หญิง 3) กลุ่มธุรกิจบริการบริหารจัดการด้านซัพพลายเชน ได้แก่ การผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าให้แก่บุคคลภายนอกภายใต้สัญญากิจการร่วมค้าและสัญญาบริการผลิตสินค้า และ 4) กลุ่มธุรกิจลูกอมและการลงทุนอื่นๆ ทั้งนี้ นอกจากการผลิตและจำหน่ายในประเทศแล้ว บริษัทฯ มีการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มในประเทศต่างๆ ทั่วโลกรวม 25 ประเทศ