กรุงเทพฯ--27 พ.ย.--วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส
สภาวะตลาดวันที่ 27 พฤศจิกายน 2561 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,219.50-1,223.31 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 19,150 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวลดลง 50 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,200 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFZ18 อยู่ที่ 19,200 บาท โดยราคาปรับตัวลดลง 80 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,280 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.09 น. ของวันที่ 27/11/61)
แนวโน้มวันที่ 28 พฤศจิกายน 2561
ดัชนีดอลลาร์ทรงตัวอยู่เหนือ 97 ได้อย่างต่อเนื่องจากความตึงเครียดทางการระหว่างสหรัฐและจีน หลังนสพ. วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานความเห็นของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ซึ่งเขาคาดว่าจะเดินหน้าปรับขึ้นภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์ สู่ 25% จากระดับปัจจุบัน 10% โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค.และย้ำว่าจะเรียกการเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าที่เหลืออยู่ทั้งหมดจากจีนวงเงิน 2.67 แสนล้านดอลลาร์ ในอัตราภาษี 10% หรือ 25% หากไม่ได้ทำข้อตกลงกับจีน สถานการณ์ดังกล่าวยิ่งก่อให้ความเสี่ยงที่การเจรจานอกรอบการประชุม G20 ระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้น ผิง ที่กรุงบัวโนสไอเรสของอาร์เจนตินา ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 30 พ.ย.-1 ธ.ค.นี้ อาจไม่บรรลุผลสำเร็จ ส่งผลให้นักลงทุนยังคงถือครองดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัยไว้จนกดดันราคาทองคำ อย่างไรก็ดีแนะนำนักลงทุนติดตามการเปิดเผยประมาณการครั้งที่ 2 จีดีพีประจำไตรมาส 3/2018 ของสหรัฐในวันพุธเวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย คาดว่าจะขยายตัว 3.6% เพิ่มขึ้นจากประมาณการครั้งแรกที่ 3.5% แต่ลดลงจการขยายตัวที่ระดับ 4.2% ในไตรมาสที่ 2 อีกทั้งต้องจับตาแถลงการณ์ของนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)ในช่วงกลางดึกของคืนวันพุธที่ 28 พ.ย. เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ถึงแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในอนาคตว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมหรือไม่ ท่ามกลางการคาดการณ์มากขึ้นว่าเฟดอาจจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้าโดยมีอุปสรรคสำคัญ คือ แนวโน้มที่เศรษฐกิจทั่วโลกที่ชะลอตัวลงจนอาจส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐ ทั้งนี้ หากมุมมองของประธานเฟดเป็นไปในเชิงพิราบ(Dovish Tone) หรือ ส่งสัญญาณชะลอการขึ้นดอกเบี้ยอาจเป็นปัจจัยกดดันดอลลาร์สหรัฐซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำ เบื้องต้นวายแอลจีประเมินว่าราคาทองคำยังมีโอกาสดีดตัวในระยะสั้นเพื่อทดสอบแนวต้าน 1,231-1,237 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากไม่สามารถยืนได้ราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวลงมาสร้างฐานในบริเวณ 1,212-1,209 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากทรงตัวรักษาระดับไว้ได้นักลงทุนสามารถหาจังหวะซื้อเพื่อรอทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวขึ้นไป โดยนักลงทุนควรเน้นเก็งกำไรระยะสั้นเพื่อรอดูการตั้งฐานของราคา
กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจี มีมุมมองว่านักลงทุนสามารถรอจังหวะเข้าซื้อหากราคาย่อตัวลงมาและไม่หลุดแนวรับ 1,212-1,209 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และขายทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวบริเวณแนวต้าน 1,231-1,237 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และควรตั้งจุดตัดขาดทุนบางส่วนหากราคาหลุดแนวรับ 1,209 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพื่อรอซื้ออีกครั้งในบริเวณแนวรับถัดไป 1,200-1,196 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากหลุดบริเวณนี้จำเป็นต้องตัดขาดทุน สำหรับนักลงทุนที่มีทองคำในมือ แนะนำให้ปิดสถานะทำกำไรหากราคาดีดตัวขึ้นหรือบริเวณแนวต้าน 1,231-1,237 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,209 (18,850บาท) 1,196 (18,650บาท) 1,187 (18,500บาท)
แนวต้าน 1,237 (19,300บาท) 1,244 (19,400บาท) 1,256 (19,600บาท)
GOLD FUTURES (GFZ18)
แนวรับ 1,209 (19,020บาท) 1,196 (18,810บาท) 1,187 (18,670บาท)
แนวต้าน 1,237 (19,460บาท) 1,244 (19,570บาท) 1,256 (19,760บาท)
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999