กรุงเทพฯ--27 พ.ย.--ฟิทช์ เรทติ้งส์
บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น (National Short-term Rating) ของโปรแกรมการออกตั๋วแลกเงินมูลค่าไม่เกินหนึ่งหมื่นสองพันล้านบาท อายุไม่เกิน 270 วัน ซึ่งสามารถออกหมุนเวียนใหม่ได้ ของบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (Esso) ที่ระดับ 'F1(tha)'
ปัจจัยที่มีผลต่ออันดับเครดิต
อัตราส่วนหนี้สินลดลง: ฟิทช์คาดว่าอัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกระแสเงินสดที่ได้จากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงของสินทรัพย์และหนี้สินจากการดำเนินงาน (FFO-adjusted net leverage) ของ Esso จะอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้เนื่องจากระดับหนี้สินที่ลดลง ค่าการกลั่น (refining margins) ที่อยู่ในระดับสูงในช่วงปี 2559 และ 2560 ทำให้กระแสเงินสดจากการดำเนินงานของ Esso แข็งแกร่ง และทำให้หนี้สินและอัตราส่วนหนี้สินของบริษัทฯลดลงอย่างมีนัยสำคัญ อัตราส่วน FFO-adjusted net leverage ของบริษัทฯลดลงไปอยู่ที่ 1.1 เท่าในปี 2560 จาก 6.1 เท่าในปี 2558 ฟิทช์คาดว่าอัตราส่วนนี้จะยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 3.0 เท่าในปี 2561-2563 เนื่องจากบริษัทฯไม่มีแผนการลงทุนใหม่ที่มีขนาดใหญ่ และการจ่ายเงินปันผลในระดับปานกลาง
การสนับสนุนที่แข็งแกร่งจากบริษัทแม่: ฟิทช์มองว่า Esso ได้รับการสนับสนุนอย่างมากจากบริษัทแม่ (บริษัท เอ็กซอนโมบิลคอร์ปอเรชั่น (ExxonMobil) และกลุ่มบริษัทในเครือ) ซึ่งเห็นได้จากการสนับสนุนทางการเงินจากบริษัทแม่ โดยบริษัทแม่และกลุ่มบริษัทในเครือได้เพิ่มเงินกู้ยืมระหว่างกันให้กับบริษัทฯในช่วงที่บริษัทฯมีอัตราส่วนหนี้สินอยู่ในระดับสูงในปี 2557 และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาอัตราส่วนเงินกู้ยืมระหว่างกันต่อเงินกู้ยืมทั้งหมดของบริษัทฯ ยังคงสูงอยู่ที่ระดับ 60%-70% (ณ สิ้นเดือนกันยายน 2561 อยู่ที่ 67%) แม้ว่าหนี้สินทั้งหมดและอัตราส่วนหนี้สินของบริษัทฯ จะลดลงมามากแล้วก็ตาม ซึ่งช่วยให้ Esso มีภาระหนี้สินกับบุคคลภายนอกที่ลดลง
Esso ยังสามารถใช้ประโยชน์จากเครือข่ายในการจัดซื้อน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป ใช้เทคโนโลยีและวิศวกรรมศาสตร์ รวมทั้งทรัพยากรบุคคล การวิจัยและพัฒนาต่างๆ จากกลุ่มบริษัท ExxonMobil เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานของบริษัทฯ โรงกลั่นของ Esso เป็นโรงกลั่นน้ำมันรายใหญ่อันดับสองของ ExxonMobil ในภูมิภาคเอเชีย
ไม่มีแผนการลงทุนใหม่ที่มีขนาดใหญ่: ฟิทช์เชื่อว่า Esso จะยังคงมุ่งเน้นการลงทุนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการผลิตและการจัดจำหน่าย เพิ่มความหลากหลายของน้ำมันดิบที่นำมากลั่นเพื่อเพิ่มอัตราส่วนกำไร กระจายผลิตภัณฑ์พรีเมี่ยมใหม่ๆ พร้อมกันกับการขยายเครือข่ายการค้าปลีกน้ำมัน โดยโครงการเหล่านี้เป็นโครงการที่มีการลงทุนที่ไม่สูงนัก ฟิทช์คาดว่าค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนของ Esso จะอยู่ระหว่าง 1.0 พันล้าน - 1.6 พันล้านบาทต่อปีในช่วงสามปีข้างหน้า (2560: 1.2 พันล้านบาท)
โรงกลั่นแบบคอมเพล็กซ์ที่มีสายการผลิตที่เชื่อมโยงกับการผลิตพาราไซลีน: อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงความสามารถในการผลิตที่เพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ที่สูงของโรงกลั่น ชื่อทางการค้าที่เป็นที่รู้จักมายาวนาน รวมถึงข้อได้เปรียบในการเข้าถึงวัตถุดิบผ่านทางกลุ่มบริษัท ExxonMobil ซึ่งช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนน้ำมันดิบและวัตถุการผลิตตามสภาวะตลาด การเชื่อมโยงกับการผลิตสารพาราไซลีน (PX) ยังช่วยเพิ่มความหลากหลายในผลิตภัณฑ์ และประสิทธิภาพในการผลิตผลิตภัณฑ์โดยรวม อีกทั้งยังช่วยลดความผันผวนจากอัตราส่วนกำไรจากการกลั่นของบริษัทฯได้ในระดับหนึ่ง แม้ว่ากำลังการผลิต PX ในภูมิภาคที่สูงในปัจจุบันจะทำให้ส่วนต่างระหว่างราคาผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบอยู่ในระดับต่ำก็ตาม นอกจากนี้ Esso ยังเป็นผู้ค้าปลีกน้ำมันที่แข็งแกร่ง และมีชื่อทางการค้าที่เป็นที่รู้จักมายาวนานในธุรกิจค้าปลีกน้ำมันในประเทศไทย โดยมีสถานีบริการจำนวน 595 สถานี ณ สิ้นเดือน ตุลาคม 2561
ธุรกิจมีความผันผวนสูง: สถานะเครดิตของ Esso ยังพิจารณารวมถึงปัจจัยเสี่ยงจากการที่บริษัทฯ ต้องเผชิญกับความผันผวนที่สูงของวัฏจักรของธุรกิจ และความเสี่ยงจากการมีฐานการผลิตเพียงแห่งเดียว ความผันผวนของรายได้ค่าการกลั่น ราคาน้ำมัน และความต้องการเงินทุนหมุนเวียน อาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อกำไร และกระแสเงินสดของบริษัทฯ
การกำหนดอันดับเครดิตโดยสรุป
อันดับเครดิตของ Esso สะท้อนถึงลักษณะธุรกิจที่ครอบคลุมทั้งโรงกลั่นน้ำมัน ธุรกิจผลิตปิโตรเคมีและธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน ซึ่งสถานะทางธุรกิจของ Esso อยู่ในระดับปานกลางเมื่อเทียบกับบริษัทในกลุ่มธุรกิจการกลั่นและปิโตรเคมีในประเทศไทยที่ฟิทช์จัดอันดับเครดิตอยู่ ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) ((อันดับเครดิตที่ A-(tha)/แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ) ซึ่งมีสถานะทางเครดิตโดยลำพังที่ BBB+(tha)) มีโรงกลั่นและธุรกิจปิโตรเคมีที่มีขนาดใหญ่กว่าและมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จากธุรกิจปิโตรเคมีมากกว่าซึ่งทำให้อัตราส่วนกำไรต่อรายได้สูงกว่า Esso อย่างไรก็ตาม Esso มีอัตราส่วนทางการเงินที่ใช้ในการพิจารณาอันดับเครดิตที่แข็งแกร่งกว่า ไออาร์พีซี อีกทั้งฟิทช์มองว่า Esso มีความเชื่อมโยงกับบริษัทแม่ซึ่งได้แก่ ExxonMobil ที่สูงกว่า
Esso มีขนาดธุรกิจที่เล็กกว่า บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ((อันดับเครดิตที่ AA(tha)/แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ) ซึ่งมีสถานะทางเครดิตโดยลำพังที่ AA-(tha)) และ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ((อันดับเครดิตที่ AA-(tha)/แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ) ซึ่งมีสถานะทางเครดิตโดยลำพังที่ A+(tha)) และ Esso ยังมีอัตราส่วนหนี้สินที่สูงกว่าทั้งสองบริษัทฯ อีกด้วย
สมมติฐานที่สำคัญของฟิทช์ที่ใช้ในการประมาณการ:
- ราคาน้ำมันดิบ (เบรนท์) ที่ราคา 70 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลในปี 2561, 65 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลในปี 2562, และ 57.5 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลหลังจากนั้น โดยมีการปรับด้วยส่วนต่างราคาน้ำมันตามการซื้อน้ำมันดิบของ Esso;
- ค่าการกลั่นอยู่ในระดับสูงในปี 2561 และลดลงในปี 2562 เป็นต้นไป
- การปิดซ่อมบำรุงรักษาโรงกลั่นในปี 2562
- ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบพาราไซลีนคงที่ในปี 2562 และลดลงหลังจากนั้น
- ค่าใช้จ่ายสำหรับการดูแลรักษาซ่อมบำรุงและลงทุนในโครงการเพิ่มประสิทธิภาพขนาดเล็กในช่วง 2561-2565
- อัตราการจ่ายเงินปันผลที่ 50% ของกำไรสุทธิ
ปัจจัยที่อาจมีผลกับอันดับเครดิตในอนาคต
ปัจจัยบวก:
- ความสัมพันธ์และความเชื่อมโยงกับกลุ่มบริษัท ExxonMobil ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ปัจจัยลบ:
- สัดส่วนการถือหุ้นและการสนับสนุนที่น้อยลงจากกลุ่มบริษัท ExxonMobil
- การลดลงของการเข้าถึงแหล่งเงินกู้จากธนาคารและตลาดตราสารหนี้ซึ่งอาจมีผลต่อสภาพคล่องและความยืดหยุ่นทางการเงินของบริษัทฯ
- อัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกระแสเงินสดที่ได้จากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงของสินทรัพย์และหนี้สินจากการดำเนินงาน (FFO-adjusted net leverage) อยู่ในระดับที่สูงกว่า 6.5 เท่าอย่างต่อเนื่อง
สภาพคล่อง
สภาพคล่องที่แข็งแกร่ง: Esso มีหนี้สินทั้งสิ้นจำนวน 1.7 หมื่นล้านบาท ณ สิ้นเดือนกันยายน 2561 โดยมีหนี้สินประมาณ 1.6 หมื่นล้านบาทที่จะครบกำหนดชำระภายใน 12 เดือนข้างหน้าซึ่งส่วนใหญ่เป็นหนี้สินระยะสั้นที่ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทฯ สินค้าคงคลังของ Esso เพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 2.2 หมื่นล้านบาท ณ สิ้นเดือนกันยายน 2561 จาก 1.8 หมื่นล้านบาท ณ สิ้นปี 2560 สภาพคล่องของบริษัทฯได้รับการสนับสนุนจากเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดจำนวน 800 ล้านบาท และวงเงินสินเชื่อหมุนเวียนที่ยังไม่ได้เบิกใช้มูลค่า 6.0 หมื่นล้านบาท จากกลุ่ม ExxonMobil นอกจากนี้ Esso ยังมีความสามารถในการเข้าถึงแหล่งเงินกู้จากธนาคารที่ดี