กรุงเทพฯ--11 ม.ค.--พีซี แอนด์ แอสโซซิเอทส์ คอนซัลติ้ง
บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์อันดับ 3 ของโลก ยังคงครองยอดขายในตลาดคอมพิวเตอร์โดยรวมเป็นอันดับ 1 ในประเทศไทย ประกาศเชื่อมั่นตลาดไอทีปี 2008 โตอย่างต่อเนื่อง ตั้งเป้ายอดขายรวมเพิ่ม 35 เปอร์เซ็นต์ ใช้กลยุทธ์การเข้าถึงลูกค้า คู่ค้าและพันธมิตรแบบครบวงจร (Total Solution) เพื่อกระตุ้นความต้องการของตลาด (ACcelERate) พร้อมชูคอนเซ็ปต์ "UNLIMITED CHALLENGE" รับความท้าทายแบบไร้พรมแดน เพื่อครองความเป็นผู้นำตลาดคอมพิวเตอร์อย่างต่อเนื่อง
นายแฮรี่ หยาง กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด กล่าวว่า เอเซอร์มีความภาคภูมิใจกับความสำเร็จของเราในปีที่ผ่านมา ถึงแม้เศรษฐกิจจะมีการชะลอตัวรวมถึงกำลังซื้อลดลง แต่เอเซอร์ยังคงสามารถครองแชมป์ความเป็นผู้นำในตลาดคอมพิวเตอร์ได้อย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2007 มีอัตราการ เติบโตกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเอเซอร์ยังคงครองอันดับ 1 ในตลาดคอมพิวเตอร์โดยรวม โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์โน้ตบุ๊คที่มีส่วนแบ่งการตลาดสูงถึง 40 เปอร์เซ็นต์ ส่วนอัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์ที่เอเซอร์จำหน่ายในปีที่ผ่านมา โน้ตบุ๊คมีการเติบโตถึง 60 เปอร์เซ็นต์ คอมพิวเตอร์เดส์กทอป 20 เปอร์เซ็นต์ จอแอลซีดี 50 เปอร์เซ็นต์ โปรเจคเตอร์ 110 เปอร์เซ็นต์ และเซิร์ฟเวอร์ 33 เปอร์เซ็นต์
นายแฮรี่ กล่าวเสริมว่า "UNLIMITED CHALLENGE" คือความท้าทายในหลายด้านที่เอเซอร์ต้องเตรียมความพร้อมและฝ่าฟันไปให้ถึงในปี 2551 นี้ เมื่อปีที่แล้วตลาดไอทีโดยรวมมีการชลอตัวทั้งในส่วนภาครัฐ เอกชน และผู้บริโภคโดยทั่วไป แต่เอเซอร์ยังสามารถเติบโตได้ถึง 30 เปอร์เซ็นต์ ส่วนในปีนี้ เริ่มมีสัญญาณที่ดีหลังจากมีการเลือกตั้ง และจัดตั้งรัฐบาล คาดว่าจะมีงบประมาณจากภาครัฐ และเอกชนเพิ่มขึ้น ซึ่งก็จะส่งผลโดยตรงต่อความมั่นใจของผู้บริโภค ในการจับจ่ายสินค้ามากขึ้น”
“ในฐานะผู้นำตลาด เรามีบทบาทที่จะสร้างความมั่นใจและกระตุ้นตลาดไอทีให้เกิดอุปสงค์และอุปทาน โดยเราจะใช้ กลยุทธ์ในการ ทำตลาดปีนี้ว่า ACcelERate ด้วยปัจจัยต่างๆ ที่กล่าวข้างต้น” นายแฮรี่กล่าว
กลยุทธ์ ACcelERate ในที่นี้หมายถึงการเร่ง พัฒนาภายใน และ เร่งการขยายตัวของตลาดภายนอกในส่วนของเอเซอร์เองได้เตรียมความพร้อมในทุกด้าน ทั้งการย้ายศูนย์การกระจายสินค้าไปที่ใหม่ ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ อีกทั้งระบบซอฟแวร์ด้าน การจัดการด้านโลจิสติกส์ และระบบไอที เพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้าได้อย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ
ซึ่งเอเซอร์เชื่อว่าสินค้าและผลิตภัณฑ์ควรมีการพัฒนาผสมผสานเทคโนโลยีและนวัตกรรมอยู่อย่างสม่ำเสมอ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคให้ได้ทุกกลุ่มเป้าหมายอย่างเต็มประสิทธิภาพ สำหรับบกลยุทธ์ ด้านผลิตภัณฑ์ จะเน้นการดีไซน์ที่โดดเด่น คุณภาพของสินค้า การใช้งาน และความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ รวมถึงนำเสนอและผสานรวมการใช้งานของทุกผลิตภัณฑ์ของเอเซอร์ได้อย่างง่ายดายและตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย และการให้บริการอย่างครบวงจร (Total Solution) โดยจัดสายผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อให้เหมาะสมกับการทำตลาดในปีนี้
สำหรับการจัดการภายในองค์กร ได้มีการจัดกลุ่มการบริหารและการตลาดใหม่ แบ่งเป็น 3 กลุ่ม อันประกอบด้วย 1.ผลิตภัณฑ์สำหรับกลุ่มผู้บริโภคทั่วไป (คอนซูมเมอร์) ได้แก่ ผลิตภัณฑ์โน้ตบุ๊คและเดสก์ทอปในตระกูลแอสไปร์ (Desktop Aspire, Notebook Aspire) 2. ผลิตภัณฑ์สำหรับกลุ่มองค์กรธุรกิจและผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางขนาดย่อม (คอมเมอร์เชียล และเอสเอ็มบี) ได้แก่ โน้ตบุ๊ค ทราเวลเมท (Notebook TravelMate), เดสก์ทอปในตระกูลเวอร์ริตอน (Desktop Veriton), เซิร์ฟเวอร์ และสตอเรจ 3. ผลิตภัณฑ์สำหรับกลุ่มผู้ใช้เทคโนโลยีแสดงผลและการต่อพ่วง (ดิจิตอล ดิสเพลย์) ได้แก่ โปรเจ็คเตอร์ และจอแอลซีดี” นายแฮรี่ กล่าวเพิ่มเติม
ส่วนการเร่งการขยายตัวของตลาดภายนอก คือการทุ่มงบการตลาดกว่า 400 ล้านบาท เพื่อกระตุ้นตลาดโดยการทำโฆษณา ประชาสัมพันธ์และจัดรายการส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเตรียมทีมงานและคู่ค้าเพื่อเจาะตลาดในภาคเอกชนและหน่วยงานรัฐบาลที่คาดว่าจะมีงบประมาณเพิ่มขึ้นและต่อเนื่องในปีนี้โดยเน้นจุดแข็งในเรื่องการให้บริการหลังการขายที่สามารถตอบสนองได้ตามข้อกำหนดของลูกค้าองค์กร และภาคธนาคารโดยในปีที่ผ่านมาเอเซอร์ได้ขยายพื้นที่ศูนย์บริการสำนักงานที่ใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีการเพิ่มจุดการให้บริการเพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้า โดยตั้งเป้าให้มีศูนย์บริการให้ครบ 15 ศูนย์ในปีนี้
เอเซอร์ตั้งเป้าเติบโตในปี 2551 อยู่ที่ 35 เปอร์เซ็นต์ หรือ 19,600 ล้านบาทและครองความเป็นอันดับ 1 ในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ได้แก่โน้ตบุ๊ค เดสท็อป แอลซีดี และโปรเจคเตอร์อีกนายแฮรี่ กล่าวสรุป