กรุงเทพฯ--29 พ.ย.--กลุ่มสารนิเทศการคลัง กระทรวงการคลัง
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวถึงการจัดประชุมสัมมนาผู้บริหารกรมสรรพากรทั่วราชอาณาจักร ในวันที่ 29 – 30 พ.ย. 61 เป็นการเปิดตัวยุทธศาสตร์ D2RIVE (Digital Transformation, Data Analytics, Revenue Collection, Innovation, Values และ Efficiency) เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการจัดเก็บให้ทันสมัย รวดเร็ว และเป็นธรรม ด้วยการเชื่อมโยงฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ของผู้เสียภาษีผ่านระบบดิจิทัล รวมทั้งอำนวยความสะดวกให้ประชาชนผู้เสียภาษีอย่างรวดเร็ว
ยุทธศาสตร์ D2RIVEของกรมสรรพากร ประกอบด้วย
D - Digital Transformation – การปรับเปลี่ยนกระบวนงานเพื่อนำไปสู่การเป็นองค์กรดิจิทัลโดยจะเน้นที่การปรับปรุงบริการของกรมสรรพากรที่ยึดผู้เสียภาษีเป็นศูนย์กลาง และสอดคล้องกับพลวัตของเทคโนโลยี (Taxpayer - Centric Solutions) เช่น การพัฒนาระบบ e – Donation เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้บริจาคสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ โดยไม่ต้องนำหลักฐานการบริจาคมาแสดงแก่กรมสรรพากร และการเชื่อมโยงกับหน่วยงานเจ้าของข้อมูลการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาต่างๆ ผ่านระบบ Open API เพื่อลดภาระในการจัดเก็บและนำส่งเอกสารของผู้เสียภาษีให้กับกรมสรรพากร นอกจากนี้กรมสรรพากรได้พัฒนาระบบการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาทางอิเล็กทรอนิกส์ สำหรับปีภาษี 2561 ที่จะยื่นแบบฯ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2562 ให้สามารถ Upload เอกสาร ที่ใช้ประกอบการขอคืนภาษีได้ เพื่อลดภาระ ในการจัดเก็บเอกสาร และนำส่งเอกสารให้กรมสรรพากร
D - Data Analytics – การเพิ่มประสิทธิภาพการวิเคราะห์ข้อมูล โดยเฉพาะข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) โดยเน้นการนำข้อมูลทั้งภายใน และข้อมูลภายนอกมาใช้ในการวิเคราะห์เพื่อให้การออกแบบนโยบายภาษีตรงกับกลุ่มเป้าหมายและการแยกผู้เสียภาษีกลุ่มดีและกลุ่มไม่ดี ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริการผู้เสียภาษี กลุ่มดีและนำผู้เสียภาษีกลุ่มไม่ดีที่กระทำผิดโกงภาษีมาดำเนินการตามกฎหมาย เช่น การพบข้อมูลน่าสงสัยเกี่ยวกับการใช้ชื่อบุคคลอื่นมาสร้างรายจ่ายเท็จของนิติบุคคล และเครือข่ายที่น่าสงสัยในการออกใบกำกับภาษีปลอม เป็นต้น
R - Revenue Collection – การเก็บภาษีอย่างมีประสิทธิภาพ ถูกต้อง และเป็นธรรม โดยสรรพากร ได้เน้นการเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษีให?ได?ตามประมาณการ 2 ล?านล?านบาท ผ่านกระบวนงานต่างๆ เช่น การสำรวจการตรวจสอบเร่งรัดหนี้ และได้มีการตั้งทีมวิเคราะห์ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการเก็บภาษีซึ่งสามารถ ดูรายละเอียดของการเก็บภาษีได้หลายมิติ เช่น มิติพื้นที่ มิติอุตสากรรม มิติประเภทภาษี เป็นต้น
I – Innovation – การสร้างนวัตกรรม โดยสรรพากรมุ่งเป้าหมายการเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อน ด้วยนวัตกรรม โดยมีการเลือกใช้กระบวนการ Design Thinking ในการจัดทำนวัตกรรม และมีการพัฒนาสภาพแวดล้อมเพื่อก่อให้เกิดนวัตกรรมไม่ว่าจะเป็นการจัดประกวดนวัตกรรมการจัดตั้ง Tax Innovation Lab เพื่อให้มีการทดลองเทคโนโลยีใหม่ๆก่อนนำไปใช้จริงอีกด้วยซึ่งในปัจจุบันมีการศึกษาความเป็นไปได้ในการนำ Blockchain มาใช้กับระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม และการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้กับนักท่องเที่ยว
V – Values – การพัฒนากรมสรรพากรให้เป็นองค์กรคุณธรรมและสร้างอัตลักษณ์ HAS ซึ่งประกอบด้วย 1) Honest ซื่อสัตย์ ให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติราชการตามกฎหมาย ระเบียบ และแนวทางปฏิบัติ อย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้ไม่รับผลประโยชน์ใดๆ 2) Accountability รับผิดชอบต่อหน้าที่กระตือรือร้นในการปฎิบัติงานและอุทิศเวลาให้แก่ทางราชการ 3) Service mind มอบใจบริการ เต็มที่ เต็มใจ ให้บริการอย่างเต็มความสามารถ
E – Efficiency – การยกระดับประสิทธิภาพของคนและงาน โดยสรรพากรเร่งผลักดัน การเพิ่มประสิทธิภาพ โดยการสร้างคนเก่ง คนดี และมีความสุขรวมทั้งการปรับปรุงสภาพแวดล้อมในการทำงาน และการปรับปรุงระบบงาน โดยการนำเทคโนโลยีมาใช้ ซึ่งจะช่วยลดระยะเวลาการทำงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวสรุปว่าในการจัดประชุมสัมมนาผู้บริหารกรมสรรพากรทั่วราชอาณาจักรในวันนี้ นอกจากจะมีการมอบนโยบายให้ผู้บริหารกรมสรรพากรขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ D2RIVE แล้ว กรมสรรพากรได้เชิญผู้เชี่ยวชาญทั้งภาครัฐและเอกชนได้แก่ ดร.ภูมิ ภูมิรัตน ในหัวข้อ Blockchain & Digital Transformation ดร.ธีรวัฒน์ อัศวโภคี ในหัวข้อมูล Data Analytics และ ดร.เอกก์ ภทรธนกุล ในหัวข้อ Innovation เพื่อจุดประกายความคิดให้กับบุคลากรของสรรพากรให้สามารถดำเนินการยกระดับประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีที่เป็นธรรมและการบริการประชาชนที่ทันสมัย เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย การเป็นกรมสรรพากรดิจิทัลอย่างแท้จริง