กรุงเทพฯ--29 พ.ย.--กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
กระทรวงดิจิทัลฯ เตรียมความพร้อมนำ Thailand Pavilion โชว์ในงาน World Expo 2020 Dubai ซึ่งเป็นนิทรรศการที่ใหญ่ที่สุดในโลก เดินหน้านำคณะผู้จัดงานฯ ร่วมประชุม IPM 2018 ณ เมืองดูไบ คาดจะเริ่มการก่อสร้าง Thailand Pavilion ได้ในช่วงต้นปี 2562 เชื่อเป็นโอกาสดีในการนำเสนอภาพลักษณ์ที่ดีของไทยในเวทีโลก
นางสาวอัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะ Commissioner General of Section of Thailand Pavilion เปิดเผยถึงความคืบหน้าตามที่กระทรวงดิจิทัลฯ ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลไทยให้เป็นหน่วยงานหลักในการร่วมจัด Thai Pavilion ในงาน World Expo 2020 Dubai ซึ่งเป็นนิทรรศการที่ใหญ่ที่สุดในโลก ว่า ในระหว่างวันที่ 26-27 พฤศจิกายน 2561 ปลัดกระทรวงดิจิทัลฯ พร้อมด้วย ดร.กษิติธร ภูภราดัย รองผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล และผู้อำนวยการโครงการ World Expo 2020 Dubai ได้เข้าร่วมการประชุม International Participants Meeting 2018 หรือ (IPM 2018 ) ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพื่อรับทราบและทำความเข้าใจถึงกระบวนการจัดงานฯ แผนงาน กฎระเบียบต่าง ๆ ตลอดจนติดตามความคืบหน้าในการเตรียมงานของประเทศต่าง ๆ ที่เข้าร่วมจัดงาน World Expo 2020 Dubai ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างเดือนต.ค. 2563 - เม.ย. 2564
โดยประเทศไทยจะเข้าร่วมงาน World Expo 2020 Dubai ภายใต้ในธีม "Connecting Mind, Creating the Future" เพื่อส่งเสริมความเชื่อมโยงทั้งในระดับรัฐบาล ภาคเอกชนและประชาชนของประเทศต่างๆ ทั่วโลก โดยประกอบด้วย 3 หัวข้อย่อย ได้แก่ 1) Opportunity 2) Mobility และ 3) Sustainability
การตัดสินใจในครั้งนี้เป็นเพราะเรามองเห็นโอกาสในการนำเสนอความพร้อมของประเทศทั้งในด้านการค้าและการลงทุนหลังจากเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจดิจิทัลภายใต้นโยบายไทยแลนด์ 4.0 สอดคล้องกับแนวความคิดเรื่อง Mobility ซึ่งให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนอันจะก่อให้เกิดความก้าวหน้าด้วยการเชื่อมโยงระหว่างผู้คนองค์กร และประเทศต่างๆเพื่อสร้างอนาคตที่ดีขึ้นกว่าเดิม
สำหรับWorld Expo เป็นงานแสดงนิทรรศการที่ใหญ่ที่สุดในโลกและเป็นมหกรรมที่ยิ่งใหญ่ของมวลมนุษย์อันดับ 3 ของโลก รองจากกีฬาโอลิมปิกและฟุตบอลโลก ซึ่งจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่เป็นประจำทุก 5 ปี ทั้งนี้ทางประเทศเจ้าภาพคาดการณ์ว่าจะมีผู้เข้าร่วมชมงาน World Expo 2020 Dubai กว่า 25 ล้านคน จากประเทศทั่วโลกกว่า 180 ประเทศ ซึ่งประเทศไทยก็จะพยายามอย่างดีที่สุด เพื่อดึงดูดให้คนเข้ามาเยี่ยมชม Thailand Pavilion อย่างน้อย 7% หรือประมาณ 2 ล้านคนเกิดความประทับใจและกระตุ้นให้เกิดการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจทั้งในด้านการค้า การท่องเที่ยว และการลงทุนตามมาในอนาคต"
ด้าน ดร.กษิติธร ภูภราดัย รองผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล กล่าวเสริมว่า เนื้อหาในการประชุมครั้งนี้ให้ความสำคัญกับการเตรียมความพร้อมของประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะในขั้นตอนของการก่อสร้าง ซึ่งประเทศไทยก็รีบดำเนินการอย่างเร่งด่วนให้อยู่ในแผนงานที่ทางคณะผู้จัดงานได้กำหนดระยะเวลาไว้และน่าจะเริ่มการก่อสร้าง Thailand Pavilion ได้ในช่วงต้นปี 2562 ในขณะเดียวกันเราก็เร่งประสานข้อมูลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดแนวทางเนื้อหาและกิจกรรมให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์และภาพลักษณ์ของประเทศด้วย
ในส่วนนี้ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากหน่วยงานที่ดูแลพื้นที่เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ รวมถึงกลุ่มประเทศในตะวันออกกลาง ทั้งสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองดูไบ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ การบินไทย และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยในการให้ข้อมูลเชิงลึกตลอดจนคำแนะนำในการจัดกิจกรรมในช่วงที่เรามาร่วมประชุม IPM 2018 ที่ดูไบ โดยข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์มากในการไปปรับใช้เพื่อพัฒนาเนื้อหาและกิจกรรมที่จะจัดขึ้นใน Thailand Pavilion ต่อไป
"ครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่ไทยเลือกนำเสนอภาพอนาคตของประเทศบนพื้นที่ไซส์ L หรือประมาณ 3,600 ตร.ม. แทนที่จะเป็นพื้นที่ไซส์ M อย่างที่เคยเป็นมาโดยตลอด การร่วมงานในครั้งนี้จึงเป็นโอกาสอันดีในการนำเสนอภาพลักษณ์ที่ดีของไทยในเวทีโลก ทั้งด้านความเป็นไทยและการพัฒนาประเทศในด้านต่างๆ และการสร้างความร่วมมือในด้านการค้าการลงทุนกับมิตรประเทศทั่วโลก" ดร.กษิติธร กล่าว