กรุงเทพฯ--4 ธ.ค.--วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส
สภาวะตลาดวันที่ 04 ธันวาคม 2561 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,230.20-1,238.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 19,150 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 50 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,100 บาทต่อบาททองคำ
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.11 น. ของวันที่ 04/12/61)
แนวโน้มวันที่ 06 ธันวาคม 2561
สหรัฐคาดถึงการดำเนินการในทันทีจากจีนในประเด็นการค้า หลังจากที่ผู้นำของทั้ง 2 ประเทศบรรลุข้อตกลงซึ่งรวมถึงการลดภาษีรถยนต์และมาตรการต่อต้านการขโมยทรัพย์สินทางปัญญาและการบังคับโอนถ่ายเทคโนโลยี ขณะที่นายซอนนี เพอร์ดิว รมว.เกษตรสหรัฐกล่าวว่า จีนอาจจะเริ่มซื้อถั่วเหลืองสหรัฐอีกครั้งราววันที่ 1 ม.ค.2562 อันเป็นผลจากอุปทานที่จำกัดในบราซิล หลังจากก่อนหน้านี้จีนได้ลดการนำเข้าถั่วเหลืองจากสหรัฐอันเป็นผลจากสงครามการค้าสหรัฐ-จีน สัญญาณดังกล่าวบ่งชี้ว่าทั้งสองประเทศมีแนวโน้มที่จะประนีประนอมกันมากขึ้น ซึ่งช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดทางการค้าโลก ขณะที่สกุลเงินหยวนแข็งค่าขึ้นนำสกุลเงินเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้น จนสร้างแรงกดดันต่อสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำ นอกจากนี้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีร่วงสู่ 2.94% ดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่กลางเดือนก.ย. โดยส่วนต่างระหว่างผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปี และ 10 ปี กลับมาติดลบในรอบหลายปี ซึ่งเป็นสัญญาณที่นักลงทุนบางรายคาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะชะลอความเร็วในการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทั้งนี้ นายแรนดัล ควอร์เลส หนึ่งในคณะผู้ว่าการเฟดได้แสดงความเห็นในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ที่สภาวิเทศสัมพันธ์ของสหรัฐในรัฐนิวยอร์กว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดกำลังเข้าใกล้ระดับที่เป็นกลาง ซึ่งสอดคล้องกับที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดได้แสดงความเห็นก่อนหน้านี้ แนวโน้มดังกล่าวกระตุ้นแรงซื้อเข้าสู่ตลาดทองคำ อย่างไรก็ตามประเด็นงบประมาณของอิตาลี ยังคงเป็นปัจจัยกดดันสกุลเงินยูโรและราคาทองคำ โดยนายกรัฐมนตรีจูเซปเป คอนเตของอิตาลีได้กล่าวกับนสพ. Avvenire ว่า เขาจะยื่นข้อเสนองบประมาณใหม่ ซึ่งอาจจะรวมถึงยอดขาดดุลที่ต่ำกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้อย่างสมเหตุสมผล โดยมีจุดประสงค์เพื่อหลีกเลี่ยงกระบวนการด้านวินัยจากสหภาพยุโรป(EU) ทั้งนี้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นตอบรับปัจจัยบวกมาแล้วในระดับหนึ่ง หากราคาทองคำไม่สามารถทะลุผ่านแนวต้านด้านบนที่ 1,244 ดอลลาร์ต่อออนซ์ไปได้ อาจเห็นการย่อตัวของราคาลงมาบริเวณโซน 1,221 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทั้งนี้ หลายครั้งที่ราคาทองคำอ่อนตัวลงก็มีแรงซื้อกลับเข้ามา แต่หากแรงซื้อไม่มากพอ หรือ ราคาไม่สามารถทะลุผ่านกรอบบนไปได้ มีโอกาสปรับตัวลงทดสอบแนวรับเพื่อสะสมแรงซื้ออีกครั้ง
กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจีมีมุมมองว่า ให้รอเข้าซื้อหากราคาย่อตัวลงมาและไม่หลุดบริเวณแนวรับ เพื่อเก็งกำไรระยะสั้นจากการดีดตัว ประเมินแนวรับไว้ที่ 1,221 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาทองคำยังมีโอกาสทดสอบแนวต้านที่ 1,244 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากหลุดให้รอเข้าซื้อที่แนวรับถัดไปบริเวณ 1,212-1,206 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สำหรับการทำกำไรให้ดูว่าราคาจะผ่านแนวต้านได้หรือไม่ ถ้าราคาทองคำสามารถทะลุผ่านแนวต้านแรกได้ และรักษาระดับยืนเหนือกรอบราคาได้ แนะนำนักลงทุนที่ถือทองคำอยู่ให้ถือต่อไป ซึ่งราคาทองคำน่าจะสามารถขยับตัวขึ้นต่อไปได้
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,221 (18,900บาท) 1,212 (18,750บาท) 1,206 (18,650บาท)
แนวต้าน 1,244 (19,250บาท) 1,256 (19,450บาท) 1,266 (19,600บาท)
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านทองคำแท่ง โทร.02-687-9888