กรุงเทพฯ--6 ธ.ค.--วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส
สภาวะตลาดวันที่ 06 ธันวาคม 2561 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,234.40-1,240.83 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 19,250 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 50 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,200 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFZ18 อยู่ที่ 19,280 บาท โดยราคาปรับตัวลดลง 30 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,310 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.15 น. ของวันที่ 06/12/61)
แนวโน้มวันที่ 07 ธันวาคม 2561
ท่ามกลางการร่วงลงอย่างหนักของผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวของสหรัฐ ส่งผลให้ส่วนต่างผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปี และ 5 ปี กลับมาติดลบในสัปดาห์นี้ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปีนับตั้งแต่เดือนสิงหาคมปี 2548 ขณะที่ส่วนต่างผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปี และ 10 ปี อยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 ทศวรรษ ซึ่งสภาวะปกติแล้วตราสารหนี้ที่มีอายุยาวกว่า ควรจะให้ผลสอบแทนสูงกว่าตราสารหนี้ที่มีอายุสั้นกว่า แต่สถานการณ์ดังที่กล่าวมาบ่งชี้การเกิดภาวะเส้นอัตราผลตอบแทนแบบลาดลง(inverted yield curve) กระตุ้นความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในอนาคตสหรัฐ จนหนุนราคาทองคำให้ทรงตัวในระดับสูง อย่างไรก็ตามเมื่อราคาทองคำปรับตัวขึ้นยังคงมีแรงขายทำกำไรสลับออกมา ทั้งนี้เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) มีกำหนดประชุมกันในวันที่ 18-19 ธ.ค. ซึ่งคาดกันในวงกว้างว่าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามแผน ขณะที่รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ(Beige Book)ของเฟดระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐดูเหมือนจะเติบโตเล็กน้อยถึงปานกลาง ท่ามกลางตลาดแรงงานที่ตึงตัว อย่างไรก็ตามรายละเอียดของรายงานระบุว่า ความกังวลด้านธุรกิจเกี่ยวกับภาษีที่สูงขึ้น รวมถึงรายงานจากโรงงานสหรัฐซึ่งพวกเขาเพิ่มราคาเพราะนโยบายกีดกันทางภาษีทำให้ต้นทุนการผลิตแพงขึ้น ประเด็นดังกล่าวทำให้นักลงทุนมุ่งจุดสนใจอยู่ที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากเพียงไรสำหรับปี 2562 นอกจากนี้ ผู้บริหารระดับสูงของบริษัท Huawei Technologies ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีน ถูกจับกุมในแคนาดาและเตรียมส่งตัวขึ้นศาลสหรัฐภายในวันศุกร์นี้ กระตุ้นความวิตกเกี่ยวกับความตึงเครียดต่อไประหว่างจีนและสหรัฐ ซึ่งทางด้านสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำแคนาดา ได้เรียกร้องให้ทางการแคนาดาปล่อยตัวผู้บริหารระดับสูงรายนี้โดยเร็ว แม้ว่าความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีนจะกระตุ้นแรงซื้อดอลลาร์ แต่การร่วงลงของตลาดหุ้นทั่วโลกหนุนแรงซื้อทองคำได้อย่างโดดเด่นอีกครั้งเช่นกันในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ทั้งนี้เป็นการยากที่จะคาดการณ์ถึงการเหวี่ยงตัวของราคาทองคำในแต่ละวัน ซึ่งเหตุผลดังกล่าวทำให้ในระยะนี้วายแอลจีแนะนำนักลงทุนให้ลงทุนระยะสั้นมาโดยตลอด นอกจากนี้แนะนำติดตาม การเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร, อัตราการว่างงาน และ รายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมง ของสหรัฐประจำเดือนพฤศจิกายน ในวันศุกร์นี้เพื่อเป็นปัจจัยขับเคลื่อนราคาทองคำเพิ่มเติม
กลยุทธ์การลงทุน วายแอลจีมีมุมมองว่า ราคาทองคำยังอยู่ในช่วงการแกว่งตัวออกด้านข้างเพื่อสะสมแรงซื้อ หากราคาทองคำดีดตัวขึ้นไม่ผ่านแนวต้านที่ 1,244 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือไม่สามารถยืนเหนือบริเวณดังกล่าวได้ราคาทองคำอาจมีย่อตัวลงมา โดยประเมินแนวรับที่ 1,221 หรือ 1,212 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากสามารถยืนเหนือแนวรับได้ราคาก็พร้อมขึ้นไปทดสอบแนวต้านถัดไปที่ระดับ 1,256 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในระยะสั้นนี้ต้องยอมรับว่าทองคำมีความผันผวน การลงทุนข้ามวันยังเป็นเรื่องที่มีความเสี่ยงสูงรวมไปถึงการลากราคาซึ่งอาจทำให้นักลงทุนเสียหายอย่างหนัก การลงทุนควรมีแผนการลงทุนเป็นสิ่งสำคัญที่จะสามารถรับมือกับความผันผวนอย่างหนักของตลาดทองคำได้
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,221 (18,950บาท) 1,212 (18,800บาท) 1,206 (18,700บาท)
แนวต้าน 1,244 (19,300บาท) 1,256 (19,500บาท) 1,266 (19,650บาท)
GOLD FUTURES (GFZ18)
แนวรับ 1,221 (19,050บาท) 1,212 (18,910บาท) 1,206 (18,820บาท)
แนวต้าน 1,244 (19,410บาท) 1,256 (19,600บาท) 1,266 (19,750บาท)
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999