กรุงเทพฯ--7 ธ.ค.--วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส
สภาวะตลาดวันที่ 07 ธันวาคม 2561 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,236.90-1,241.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 19,300 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 50 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,250 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFZ18 อยู่ที่ 19,390 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 70 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,320 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.24 น. ของวันที่ 07/12/61)
แนวโน้มวันที่ 11 ธันวาคม 2561
คาดการณ์ว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐในเดือนธันวาคมปีนี้ อาจเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะระงับวงจรการคุมเข้ม สำนักข่าววอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่าเจ้าหน้าที่เฟดอยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะใช้มาตรการรอดูสถานการณ์ไปก่อนหรือไม่หลังการปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.สอดคล้องกับ ข้อมูลจากโปรแกรม FedWatch ของ CME Group ระบุว่า อัตราดอกเบี้ยสัญญาล่วงหน้าส่งสัญญาณแก่เทรดเดอร์ว่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยจากเฟดไม่เกินหนึ่งครั้งในปี 2562 ซึ่งลดลงเมื่อเทียบกับการคาดการณ์เมื่อหนึ่งเดือนก่อนหน้าถึงความเป็นไปได้ของการปรับขึ้นดอกเบี้ย 2 ครั้ง แนวโน้มดังกล่าวกดดันดอลลาร์และสร้างแรงซื้อเข้าสู่ตลาดทองคำ ขณะที่ตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐเดือนต.ค.สูงสุดในรอบ 10 ปี โดยเกิดจากการส่งออกถั่วเหลืองที่ลดลง ขณะที่การนำเข้าสินค้าเพื่อผู้บริโภคพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะเดียวกันสหรัฐขาดดุลการค้าต่อจีนเพิ่มขึ้น 7.1% สู่ระดับ 4.31 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ข้อมูลดังกล่าวบ่งชี้ว่ามาตรการที่เกี่ยวข้องกับมาตรการภาษีระหว่างประเทศของคณะบริหารภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐที่พยายามจะลดยอดขาดดุลการค้าน่าจะไม่ได้ผล อย่างไรก็ตามเมื่อราคาทองคำขยับขึ้นยังคงมีแรงขายทำกำไรสลับเข้ามา เนื่องจากนักลงทุนจับตาสถานการณ์ที่อังกฤษจะแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป(Brexit) โดยศาลยุติธรรมยุโรป(ECJ) จะแถลงคำวินิจฉัยว่า อังกฤษสามารถดำเนินการแต่เพียงฝ่ายเดียวในการยกเลิกกระบวนการ Brexit โดยไม่ต้องขออนุญาตจากสหภาพยุโรป(EU) ได้หรือไม่ ในวันที่ 10 ธ.ค. เวลา 15.00 น.ตามเวลาไทย และในวันอังคารที่ 11 ธ.ค. รัฐสภาอังกฤษจะมีการลงมติต่อข้อตกลงเบร็กซิท (Parliament Brexit Vote) นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีจูเซปเป คอนเต ของอิตาลี มีกำหนดประชุมกับ นายฌอง-คล็อด ยุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปในวันที่ 11 ธ.ค. พร้อมด้วยข้อเสนองบประมาณปี 2562 ฉบับใหม่ของรัฐบาลอิตาลี หลังจาก EU เรียกร้องให้อิตาลีเปลี่ยนแปลงเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกดำเนินการลงโทษด้านระเบียบวินัย ซึ่งท้ายที่สุดแล้วอาจนำไปสู่การสั่งปรับหากอิตาลีไม่มีการปรับปรุงร่างงบประมาณดังกล่าว ส่งผลให้เมื่อราคาทองคำมีการปรับตัวขึ้นยังคงมีแรงขายออกมา จึงยังคงแนะนำนักลงทุนว่าให้รอจังหวะซื้อเมื่อราคาทองคำปรับตัวลงสู่แนวรับสำคัญ และนักลงทุนควรปรับเปลี่ยนพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสมกับสภาวะตลาด
กลยุทธ์การลงทุน วายแอลจีแนะนำนักลงทุนว่า สามารถลงทุนระยะสั้น โดยเข้าซื้อหากราคาย่อตัวไม่หลุดแนวรับบริเวณ 1,221-1,212 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยไม่แนะนำให้เข้าซื้อทั้งหมดบริเวณแนวรับ ควรเหลือเงินทุนเพื่อซื้อเฉลี่ยหากราคาหลุดแนวรับซึ่งราคาจะปรับตัวลงไปบริเวณแนวรับถัดไป และควรตั้งจุดตัดขาดทุนหากราคาทิ้งตัวลงแรง ทั้งนี้ ในระยะสั้นให้ขายทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวขึ้นบริเวณแนวต้าน 1,244-1,256 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แม้ว่าราคาทองคำจะเคลื่อนไหวในทิศทางค่อยๆขยับขึ้นแต่หากไม่สามารถผ่านไปได้อาจเห็นการย่อตัวของราคาทองคำอีกครั้ง เบื้องต้นวายแอลจียังมองว่าการลงทุนยังเน้นการลงทุนระยะสั้น เพราะแม้ว่าราคาทองคำจะดีดตัวขึ้นได้บ้าง ก็ยังคงมีแรงขายทองคำออกมาเช่นกัน
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,221 (18,950บาท) 1,212 (18,800บาท) 1,206 (18,700บาท)
แนวต้าน 1,244 (19,300บาท) 1,256 (19,500บาท) 1,266 (19,650บาท)
GOLD FUTURES (GFZ18)
แนวรับ 1,221 (19,090บาท) 1,212 (18,950บาท) 1,206 (18,850บาท)
แนวต้าน 1,244 (19,450บาท) 1,256 (19,630บาท) 1,266 (19,790บาท)
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999