นักวิเคราะห์ เชื่อตลาดหุ้นไทยครึ่งปีหลังยังน่าลงทุน การเมือง-ซัพไพร์มคลี่คลาย แนะหุ้นปันผลมีโอกาสทำกำไร

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday January 15, 2008 11:27 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--15 ม.ค.--เน็กซ์วิว
นักวิเคราะห์งาน ATIC @Bangkok ประเมินหุ้นไทยครึ่งปีแรกผันผวนแต่มีแนวโน้มสดใสขึ้นในครึ่งปีหลัง เชื่อปัจจัยเสี่ยงด้านการเมืองในประเทศและปัญหาซัพไพร์มของเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มคลี่คลาย ระบุหุ้นไทย พี/อี ยังต่ำกว่าเพื่อนบ้าน แนะลงทุนช่วง 1-2 เดือนข้างหน้าหลังตลาดปรับตัวรับความเสี่ยงไปแล้วเป็นจังหวะดีในการเข้าลงทุน ชี้หุ้นบางตัวในกลุ่ม SET 50 มีโอกาสทำกำไรจากเงินปันผล
นายพิชัย เลิศสุพงศ์กิจ กรรมการสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวถึงทิศทางตลาดทุนไทยหลังเลือกตั้ง” ในงานมหกรรมสัมมนาทางการเงินระดับภูมิภาคเอเชีย “ATIC @Bangkok 2008” ว่า ทิศทางตลาดทุนไทยหลังการเลือกตั้งคงมีความผันผวนในระดับที่สูงต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงครึ่งปีแรก ประเด็นสำคัญยังอยู่ที่ความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศ และ ความเสี่ยงที่เศรษฐกิจของประเทศสหรัฐอเมริกาจะเข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม คุณพิชัย มองว่า ทั้งสองประเด็นดังกล่าวจะเริ่มคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง และเชื่อมั่นว่าในครึ่งปีหลังจะเริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น และรวมทั้งปี 2551 การลงทุนในปีนี้ยังน่าสนใจอยู่ โดยแนะนำว่า การลงทุนในช่วง 1-2 เดือนข้างหน้า หลังจากที่ตลาดฯ ปรับตัวรับความเสี่ยงจากทั้งการเมืองและความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจในตลาดโลกแล้ว ถือเป็นจังหวะที่ดีมากสำหรับการเริ่มต้นลงทุน
ขณะนี้ตลาดหุ้นไทยอยู่ในเกณฑ์ที่มีราคาถูกมากเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นประเทศเพื่อนบ้าน โดยปัจจุบันตลาดหุ้นไทยซื้อขายกันอยู่ที่ P/E ต่ำกว่า 11 เท่า ของกำไรสุทธิในปี 2551 เทียบกับตลาดหุ้นของประเทศเพื่อนบ้านซื้อขาย P/E ที่ 16-17 เท่าขึ้นไป
นายพิชัย คาดการณ์ว่า ตลาดหุ้นไทยยังคงมีความน่าสนใจจากการนำเอาราคาเป้าหมายพื้นฐานจากหุ้น 50 ตัวใน SET 50 Index มาคำนวณหาดัชนีตลาดหุ้นไทยปลายปี 2551 จะมี มูลค่าเหมาะสมที่ระดับ 987 จุด นั่นหมายความว่ามี potential upside gain อยู่ที่ประมาณ 24% ขณะเดียวกันยังมีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากเงินปันผลในหุ้นที่จะขึ้นเครื่องหมาย XD ในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้าอีกประมาณ 3.6% ซึ่งรวมแล้วมีโอกาสกำไรประมาณ 27.6% ณ ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ขณะนี้
“และที่น่าสนใจกว่านี้ ถ้าเข้าไปดูรายหุ้น พบว่า มีอยู่ 9 หุ้น ที่ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลอย่างเดียวเกิน 6% แล้ว ฉะนั้นถ้าดัชนีหลุด 800 จุดลงไป ซึ่งบางคนมองว่าจะลงไป 770 บางคนบอก 740 อะไรก็แล้วแต่ ราคาหุ้นที่ถูกลงจะทำให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงขึ้นอีก” นายพิชัย กล่าว
นอกจากนี้ นายพิชัย เชื่อว่าแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของยุโรปและสหรัฐฯ กำลังเริ่มต้นเข้าสู่ในช่วงขาลง ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกของตลาดทุนทั่วโลก ดูได้จากการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ด้านการเงินระดับโลกที่ประเมินว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะลดอัตราดอกเบี้ยลงไปอีกและคงจะไม่หยุดอยู่ที่ 3% โดย โกลด์แมนแซคคาดการณ์ว่า เฟดจะลดดอกเบี้ยลงไปอีกจนถึงระดับ 2.5% ในปลายปีนี้ และเป็นสิ่งที่ทำให้เขาเชื่อว่า ยุโรปน่าจะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยลงมา
ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ
คุณพรลดา, คุณณัฐชญา โทร. 02-253-5050 ต่อ 318, 114

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ