กรุงเทพฯ--11 ธ.ค.--ผาแดงอินดัสทรี
"สดาวุธ เตชะอุบล" แม่ทัพ "PDI" คนใหม่ ประกาศดันองค์กรสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน ปรับโครงสร้างธุรกิจ เล็งจำหน่ายสินทรัพย์ที่ไม่ได้ใช้งานแล้วจากธุรกิจสังกะสี รวมถึงที่ดินในจังหวัดระยอง เผยสถานะการเงินแข็งแกร่งมีกระแสเงินสดเพร้อมลงทุนไม่น้อยกว่า 2,000 ล้านบาท มั่นใจช่วยยกระดับองค์กร ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายได้
นายสดาวุธ เตชะอุบล ประธานคณะกรรมการบริหาร และรักษาการกรรมการผู้จัดการ บริษัท ผาแดงอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ผาแดงฯเป็นองค์กรที่ดำเนินธุรกิจด้วยระบบการทำงานที่เป็นมืออาชีพ ซึ่งภายใต้การบริหารของตนเองหลังจากนี้มั่นใจว่าจะสามารถนำพาองค์กรเข้าสู่ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในการสร้างผลประกอบการให้มีการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน
"บริษัทฯ อยู่ระหว่างปรับปรุงการดำเนินงานและโครงสร้างธุรกิจเพื่อพลิกผลประกอบการให้กลับมามีกำไรในปีหน้า 2562 โดยจะขับเคลื่อนธุรกิจด้วย 3 กลยุทธ์หลักคือ มุ่งบริหารจัดการลดค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ มีความรอบคอบในการพิจารณาสินทรัพย์ต่างๆ และดำเนินการจำหน่ายสินทรัพย์ที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว และสรรหาโครงการลงทุนในธุรกิจที่ควบคุมได้และมีผลตอบแทนที่มั่นคงทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยจะมุ่งเน้นการลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทนเป็นหลักในระยะแรก"
สำหรับ ผาแดงฯ ในยุคเปลี่ยนผ่านจากธุรกิจสังกะสีสู่ธุรกิจใหม่นั้นจะมีการปรับโครงสร้าง เพื่อกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจใหม่ๆ เบื้องต้น จะมีพิจารณาจำหน่ายสินทรัพย์ที่มีอยู่และไม่ได้ใช้งานแล้วจากธุรกิจสังกะสี ซึ่งรวมไปถึงที่ดินในจังหวัดระยอง ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการ คาดว่าจะมีการสรุปชัดเจนในช่วงกลางปี 2562 ทั้งนี้จะนำเงินที่ได้มาเตรียมความพร้อมรองรับกับการลงทุนใหม่ๆในอนาคต
ส่วนของธุรกิจพลังงานทดแทน ปัจจุบันบริษัทฯ มีโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์หรือโซลาร์ฟาร์มที่เปิดดำเนินการแล้วทั้งในประเทศไทยและญี่ปุ่นรวม 50 เมกะวัตต์ และสามารถสร้างรายให้บริษัทฯ เป็นอย่างดี โดยโรงไฟฟ้าทั้งหมดของ PDI ยังคงมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 20 ปี ทั้งนี้จะปรับปรุงการดำเนินงานโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มทั้งหมดในกลุ่มพีดีไอ เอ็นเนอร์ยี เพื่อให้การผลิตเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น พร้อมทั้งจะขยายการลงทุนในธุรกิจไฟฟ้ามากขึ้น เพื่อเพิมศักยภาพในการสร้างรายได้และกำไรที่มั่นคงเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีต่อเนื่องให้แก่ผู้ถือหุ้น
"นับเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม หลังจากบริษัทฯ เปลี่ยนผ่านจากธุรกิจสังกะสีสู่ความความแข็งแกร่งในทุกด้าน ซึ่งแผนการปรับโครงสร้างธุรกิจหลังจากนี้มั่นใจว่า จะสามารถยกระดับองค์กรสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน ประกอบกับสถานะการเงินที่แข็งแกร่ง ที่ยังมีกระแสเงินสดที่พร้อมสำหรับการลงทุนไม่น้อยกว่า 2,000 ล้านบาท จะสามารถช่วยให้องค์กรประสบความสำเร็จตามเป้าหมายได้