กรุงเทพฯ--11 ธ.ค.--
หากพูดถึงชื่อ ทราย เจริญปุระ เชื่อว่าหลายคนคงจะรู้จักกันเป็นอย่างดี แต่ช่วงหลังๆ มานี้ดูเหมือนเธอจะเครียดกับปัญหาต่างๆ จนต้องออกมาระบายผ่านทางโซเชียลอยู่บ่อยๆ อย่างก่อนหน้านี้กับเรื่องราวของแม่บังเกิดเกล้าที่ใช้เงินเปย์ผู้ชายใหม่จนทรายเอ่ยปากอยากเผาบ้านทิ้ง แต่งานนี้หลายคนก็มองอีกด้านหนึ่งว่าทำไมเธอต้องออกมาประจานแม่ตัวเอง
ล่าสุด ทราย เจริญปุระ มาเปิดใจถึงเรื่องราวต่างๆ ผ่านทางรายการ คุยแซ่บShow ทางช่อง one31 ที่มีนุ้ย สุจิรา และเข็ม ลภัสรดา เป็นพิธีกร
หลายคนมองว่าพี่เป็นคนแรงถึงขั้นเป็นไบโพล่าร์?
ทราย : ใจเย็นๆป่วยอ่ะป่วยจริง ป่วยเป็นซึมเศร้า ไม่ใช่ไบโพล่าร์ ซึ่งซึมเศร้าเริ่มต้นมาจากอุบัติเหตุ ตอนนั้น รักษาตัว กินยาจนหายแล้ว หมอก็เตือนว่ามันจะมีโอกาสกลับมาเป็นได้อีกนะ
คิดยังไงกับคนที่บอกว่าเราแรงไม่กล้าเข้าหา?
ทราย : มองว่าแรงไม่เคืองเท่าบอกว่าเรียกร้องความสนใจ คือชีวิตไม่สนุกแล้วยาก็แพงมากๆแล้วมันจะมีวันที่แย่มากๆ
พี่ดูแลคุณแม่เต็มที่มากๆมันยากขนาดไหนอธิบายเราฟังหน่อย?
ทราย : เราเหมือนมีลูกใจแตก ที่แบบจะออกจากบ้านทุกครั้งที่เราเผลอ นี่คืออาการของคุณแม่บางวันเราออกไปถ่ายละคร แม่ก็บอกทำไมไม่กลับมาหาเค้า เราก็บอกว่าไม่ใช่ไม่อยากกลับมาหาแต่เราทำงานอยู่ จนแบบแม่บอกว่างั้นฉันจะฆ่าตัวตาย หรือว่าบางวันสายตื่นลงมาจากบ้าน แล้วรถไม่อยู่ประตูพัง คือแบบแม่ฉันไปไหน มันอยู่ด้วยความแบบเครียดมาก หรือบางครั้งไม่ให้ไปไหนให้อยู่แต่ในห้อง เก็บกุญแจรถทุกอย่างไปไหนก็ต้องเอาไป กลับมาถึงมีของมาตั้งหน้าบ้านแม่โทรสั่งจากรายการทีวีทุกวัน วันละ 50,000 บาท เค้าซื้อทุกอย่างที่โฆษณา คือมันเป็นอาการหนึ่งของเค้าที่เค้าพยายามยืนยันตัวตนว่าเค้าทำอย่างนั้นอย่างนี้ได้นะ พวกเธอมาปิดกั้นฉันอะไรประมาณนี้ คุณหมอก็บอกแอดมิทไหม เราก็คิดในใจจะพาแม่แอดมิดศรีธัญญาหรอ มันดูรุนแรงไป
แล้วพี่จัดการยังไง?
ทราย : เราก็เอาแม่เป็นหลัก ให้เค้าอยู่ในมือหมอที่ดีที่สุด เพื่อที่เวลาเค้ารักษา เราก็รักษาตัวไปด้วย
นอกจากคุณแม่จะมีการโทร Shopping เอง ออกไปข้างนอกเองมีอีกเรื่องหนึ่งนั่นก็คือเรื่องของแฟน?
ทราย : เรื่องหัวใจของเค้าเป็นแบบตำนานรัก มหากาพย์ของเขามาก ในความเป็นลูกมันก็เจ็บ ลำพังแค่เราเราให้แม่มีความสุขได้ไม่มากพออีกหรอ ทำไมต้องไปมีผู้ชายคนอื่น แต่พอมองย้อนกลับไปจริงๆแม่ก็เหงา เพราะว่าเค้าแต่งงานตั้งแต่อายุ 25 ปี ก็มีลูกสามคนพอลูกเริ่มโตลูกก็ทำงาน เราก็เข้าใจเมื่อวันหนึ่งลูกโตแล้วสามีก็ตายแล้วเค้าก็คงอยากกลับไปมีชีวิตไปสาว คือคุณแม่ป่วยเป็นโรคสมองเสื่อม แต่ยังไม่ถึงขั้นอัลไซเมอร์ คือคุณแม่กับเขาคนนี้ไปเจอกัน เขารู้จักกันตั้งนานแล้ว เรามองอย่างใจกว้างที่สุดนะ อย่างน้อยเค้าเป็นเพื่อนกันในวัยขนาดนี้ แต่เรารู้สึกว่ามันไม่แฟร์ ทำไมแม่ต้องแยกตัวออกไป ทำไมต้องไปทำบ้านใหม่ ซื้อทุกสิ่งทุกอย่างใหม่ ซื้อแอร์ 20 เครื่อง คือมีทุกที่ กับแม่เราไม่ได้งก แต่บ้านหลังนี้ถ้าไม่นับแฟนเค้าก็มีแม่เราอยู่แค่คนเดียว คือเราดูแลครอบครัวมาตลอดอยู่แล้วตั้งแต่พ่อเสีย เราก็ทำงานมาตลอดซึ่งทั้งหมดมันก็คือเงินเรา ถ้าแม่ซื้อทีวีมาเรียงกันห้าเครื่อง ในห้องตัวเอง ในบ้านของตัวเองมันก็จะงงประมาณนึง แต่นี่คือเจ็บ
ถึงขนาดพี่โพสต์ว่าจะเผาบ้านทิ้งเลยหรอ?
ทราย : มันเดือดมาก ห้องเราไม่มีทีวีเป็นของตัวเองแอร์ ก็คือแอร์เก่าที่ใช้มาตั้งแต่เด็ก ซึ่ง ไม่มีปัญหาเสียงมันดังน้ำมันหยดแล้วก็เรียกช่างมา พอขอทีวีแม่ แม่ก็บอกว่าไม่ต้องไปดูหรอก มาก็นอนสิจะมาดูทีวีอะไรดึกดื่น เป็นดาราต้องพักน่ะสิอะไรอย่างเนี่ย ไม่ว่าเราจะซื้ออะไรใดใด ต้องผ่านแม่หมดเพราะแม่เป็นคน ถือเงิน แต่พอภาพตัดไปอีกที่ที่แบบมีทีวีอยู่ทุกมุม คือเราไม่ได้อยากได้ทีวี มันก็เลยเกิดคำถามในใจว่าทำไมเราดีน้อยกว่าคนนั้นตรงไหน
ทนกับความรู้สึกแบบนี้มานานแค่ไหน?
ทราย : ก็นานตั้งแต่เด็กเด็ก ตอนนั้นเราทำงานเราต้องดูแลทั้งครอบครัว น้องก็ยังเรียนอยู่พ่อก็ไม่สบาย ก็เกือบเกือบ 20 ปี แล้วที่รถชนต้องผ่าเนี่ยจริงๆอย่างมันต้องเปลี่ยนแล้ว แต่เราไม่มีตังค์เพราะเราได้เงินเดือนจากแม่ ถ้าเค้าเอาตังไปเปลี่ยนยางเราก็ไม่มีตังค์พอที่จะไปกองหรือว่าเติมน้ำมัน แล้วพอมาเจอเรื่องที่แม่ซื้อของสนันมันก็เลยแบบเฮิร์ต
ด้วยความที่คุณแม่ไม่สบายเราจะคุยเหตุผลนี้กับท่านได้ไหม?
ทราย : ไม่ได้ เราก็บอกเหตุผลแต่เค้าถือทุกอย่าง แต่เรายังไม่มีบัตรประชาชน ฉะนั้นลายเซ็นทุกอย่างสมุดบัญชีทุกเล่ม บ้าน รถ แต่เรื่องธนาคารให้พนักงานมาดูแล้ว ว่าตอนนี้คุณแม่ไม่สามารถทำได้ เราต้องเป็นคนทำธุรกรรมแทนหมดทุกอย่าง เพราะมานั่งทำแล้ว เห็นบ้านนั่น เห็นยอดเงินตัวเอง แล้วที่ทำมาทั้งหมด เผาไปเลยดีกว่า คือไม่ได้อะไรแต่ก็ได้สะใจ
หลายคนก็มองว่าพี่ประจานแม่ตัวเอง?
ทราย : เวลามีคนถามจะให้ตอบยังไง ฉันต้องแต่งเรื่องใหม่อีกเรื่องหนึ่งหรอ ฉันเหนื่อยแล้วนะ คือถ้าไม่มีคนถามก็ไม่พูด
ที่ฟังมาคือพี่ไม่เคยทิ้งแม่?
ทราย : ไม่ได้ รู้สึกว่าเค้าบอกบาง บาดแผลเค้าเยอะ ในบางแง่เราว่าเราแข่งแกร่งกว่าเขา เราอาจจะไม่ได้มีลูกเรามีครอบครัวที่คอยประสานเหมือนที่แม่ทำได้ แต่เราเชื่อว่าในบางมุม เราก็แข่งแกร่งกว่าเขา เราก็รู้สึกว่าถ้าเค้าไม่มีเราเค้าก็ไม่มีใครเลย
มาเรื่องหัวใจกันบ้าง?
ทราย : นางดีน่ารัก เจอกันเพราะทำงานด้วยกันเขาทำฝ่ายเสียง เราเป็นคนไปจีบเค้า เพราะรู้สึกว่าเขาน่าจะทนเราได้ ในนาทีนี้ถือว่าเค้าคือคนที่ใช่ที่สุด มีโอกาสได้เจอครอบครัวแฟนแล้ว เราก็บอกว่าคุณพ่อ คุณแม่ค่ะ ถ้าหนูไม่แต่งงาน ไม่มีหลาน คือพ่อแม่เค้าคงช็อกแหละ แต่มึงพูดมาขนาดนี้ก็ต้องจ๊ะ ซึ่งเราถามแฟนเค้าก็ไม่ซีเรียสอะไร อีกอย่างเราจะ 40 แล้ว เลี้ยงยังไงก้มไม่ไหว
กับความรักครั้งนี้มั่นใจว่าคนนี้คือคนที่ใช่แล้ว?
ทราย : มั่นใจวันต่อวัน เพราะมันจะมีวันที่เลวร้ายมาก ซึ่งมันอาจจะมีวันนึงที่เค้าบอกว่าพอ เยอะก็ได้ เราก็ไม่มีวันรู้หรอกว่ามันจะเป็นวันไหน คือด้วยความที่เป็นโรคนี้อยู่เราก็รู้ตัวว่าบางครั้งเราไม่น่ารักมากๆ
ที่ฟังมาคนนี้คือดีดีมากๆถึงขนาดพกติดตัวเลยไหม?
ทราย : สักรูปเดียวกันที่แขนแต่คนละข้าง
สักเหมือนกันแล้วถ้าวันนึงมันไปกันไม่ได้?
ทราย : ไม่ใช่พี่แน่แน่ที่เป็นฝ่ายลบ พี่เจ็บและมันเปลือง (ยิ้ม)
ติดตามรายการ คุยแซ่บShow ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ 14.00-15.00น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama
คลิปสัมภาษณ์ ทราย เจริญปุระ
https://youtu.be/3i6Paie0TQ4