กรุงเทพฯ--11 ธ.ค.--วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส
สภาวะตลาดวันที่ 11 ธันวาคม 2561 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,243.40-1,248.02 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 19,400 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาทรงตัวจากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,400บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFZ18 อยู่ที่ 19,470 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 110 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,360 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.12 น. ของวันที่ 11/12/61)
แนวโน้มวันที่ 12 ธันวาคม 2561
การร่วงลงของผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐกดดันดอลลาร์ให้อ่อนค่าลง ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ร่วงสู่ระดับต่ำสุดรอบ 3 เดือน หลังจากคำกล่าวเชิงผ่อนคลายจากเจ้าหน้าที่เฟดและข้อมูลที่อ่อนแอของสหรัฐ เน้นย้ำต่อไปถึงทัศนะที่ว่าวงจรการคุมเข้มนโยบายการเงินจะหยุดลงในเร็วๆนี้ แนวโน้มดังกล่าวหนุนให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นสวนทางกับดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง นอกจากนี้ราคาทองคำได้รับแรงหนุนจากความหวังว่าสถานการณ์ทางด้านงบประมาณของอิตาลีจะคลีคลายไปได้ด้วยดี หลังจากอิตาลีแสดงความเต็มใจที่จะลดเป้าหมายยอดขาดดุล แต่ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่า อิตาลีวางแผนที่จะปรับลดมากเพียงใด แนะนำนักลงทุนติดตาม นายกรัฐมนตรีจูเซปเป คอนเตของอิตาลี จะประชุมกับนายฌอง-คล็อด ยุงเกอร์ ประธาน EC ในวันพุธนี้ เพื่อพยายามหลีกเลี่ยงกระบวนการที่จะทำให้อิตาลีเผชิญแรงกดดันจากตลาดอย่างต่อเนื่อง อาทิ การถูกปรับ, การลดเงินทุนจากสหภาพยุโรป(EU) และการคว่ำบาตรทางการเงินอื่นๆ อย่างไรก็ตามราคาทองคำยังคงถูกกดดันจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับข้อตกลงการค้าสหรัฐ-จีน แม้ว่ารองนายกรัฐมนตรีหลิว เหอของจีนได้หารือกับนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐและนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ ได้แลกเปลี่ยนทัศนะเกี่ยวกับการผลักดันการเจรจาการค้าขั้นต่อไป แต่นายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐกล่าวว่า ถ้าการเจรจาการค้าสหรัฐ-จีนไม่ประสบความสำเร็จภายในวันที่ 1 มี.ค.2562 จะมีการบังคับใช้ภาษีใหม่ โดยชี้แจงว่า "นั่นเป็นกำหนดเส้นตายที่ตายตัว" นอกจากนี้ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการถอนตัวของอังกฤษจากสหภาพยุโรป(EU) ส่งผลให้สกุลเงินปอนด์อ่อนค่าจากความเสี่ยงประเด็น Brexit เมื่อนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ ของอังกฤษ เลื่อนการลงมติในรัฐสภาออกไปเพื่อขอความเห็นชอบมากขึ้น ทำให้ดอลลาร์กลับมาแข็งค่าจนสร้างแรงขายทำกำไรสลับเข้าสู่ตลาดทองคำ วายแอลจีมีมุมมองว่า หากราคาทองคำยืนเหนือบริเวณแนวรับ 1,236-1,233 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ในระยะสั้น ราคาทองคำยังมีโอกาสขยับขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,256 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยบริเวณนี้นักลงทุนที่สะสมทองคำไว้อาจมีการขายทำกำไรเพียงบางส่วนออกมาบ้าง โดยให้ดูว่าราคาจะผ่านแนวต้านได้หรือไม่ ซึ่งหากไม่ผ่านราคาอาจจะมีการอ่อนตัวลงอีกครั้ง โดยนักลงทุนที่รอซื้อทองคำอาจรอดูการตั้งฐานของราคา ซึ่งนักลงทุนในระยะสั้นอาจรอซื้อหากราคามีการย่อตัวลงมา
กลยุทธ์การลงทุน วายแอลจีมีมุมมองว่า หากราคาทองคำยืนเหนือบริเวณแนวรับ 1,236-1,233 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ในระยะสั้นราคาทองคำยังมีโอกาสขยับขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,256 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยบริเวณนี้นักลงทุนที่สะสมทองคำไว้อาจมีการขายทำกำไรเพียงบางส่วนออกมาบ้าง โดยให้ดูว่าราคาจะผ่านแนวต้านได้หรือไม่ ซึ่งหากไม่ผ่านราคาอาจจะมีการอ่อนตัวลงอีกครั้ง โดยนักลงทุนที่รอซื้อทองคำอาจรอดูการตั้งฐานของราคาโดยประเมินแนวรับไว้ที่ 1,233 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะนำนักลงทุนในระยะสั้นหากราคาการย่อตัวลงมาและสามารถตั้งฐานบริเวณแนวรับดังกล่าวได้แข็งแกร่งสามารถเข้าสะสมทองคำเพิ่มเติมบางส่วน
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,233 (19,100บาท) 1,221 (18,900บาท) 1,212 (18,800บาท)
แนวต้าน 1,256 (19,500บาท) 1,266 (19,650บาท) 1,278 (19,850บาท)
GOLD FUTURES (GFZ18)
แนวรับ 1,233 (19,250บาท) 1,221 (19,060บาท) 1,212 (18,920บาท)
แนวต้าน 1,256 (19,600บาท) 1,266 (19,760บาท) 1,278 (19,950บาท)
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999