กรุงเทพฯ--11 ธ.ค.--โคคอต ฟาร์ม โรสต์ แอนด์ ไวน์เนอรี่
ด้วยคอนเซปต์ "เสิร์ฟตรงความสดจากฟาร์ม" โดยใช้วัตถุดิบเนื้อเกรดพรี่เมี่ยมและผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคจากทั่วประเทศไทย รวมถึงโครงการหลวง โคคอต ฟาร์ม โรสต์ แอนด์ ไวน์เนอรี่ แม้จะเน้นความเรียบง่าย แต่กลับเลือกสรรวัตถุดิบเปี่ยมคุณภาพ ในบรรยากาศบิสโทรสไตล์ที่ให้ความสะดวกสบาย และความร่วมสมัยแบบเทมโพรารี่ ทั้งยังได้รับรางวัลจากในประเทศและต่างประเทศต่อเนื่อง 2 ปี ด้วยรางวัลจาก ไทยแลนด์ เทธเลอร์ ปี 2559 และ ปี 2560 ทั้งยังได้รับการกล่าวถึงในไกด์บุ๊คดังอย่าง มิชลินไกด์และอีกมากมาย
ร้านอาหาร ตั้งอยู่ใจกลางย่านพร้อมพงษ์สุดหรู ซึ่งโดดเด่นและดูอบอุ่น ด้วยพื้นที่กว้างขวาง การตกแต่งที่เน้นการนำเข้าเฟอร์นิเจอร์ไม้ขัดอย่างสวยงาม งานศิละจำลองจากย่านดังในฝรั่งเศส อย่างเลอาล (Les Halles) ที่ที่รวมไว้แต่ของที่คัดคุณภาพดีเยี่ยม วัสดุที่ใช้ในการตกแต่งทั้งหมด ได้แก่ ถ้วยชามเซรามิก กระเบื้องและไม้ ล้วนมาจากแหล่งงานคราฟท์ท้องถิ่น ทั้งนี้ การวางตำแหน่งของครัวแบบเปิด ยังทำให้ลูกค้ารู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของร้านและสัมผัสได้ถึงความผ่อนคลายในทุกพื้นที่
เชฟเจอริโก แวน เดอ วูฟ (Jeriko Van Der Wolf) หัวหน้าเชฟชาวฝรั่งเศส ผู้ซึ่งมากไปด้วยประสบการณ์และการันตีได้ด้วยรางวัลมากมาย และภายใต้การนำของเชฟที่มีชื่อเสียงอย่าง เชฟศรัณย์ ศุภกิตจานุศานต์ ศึกษาจบจากสถาบันกอร์ดองเบอ เมืองปารีส ซึ่งเขาได้ตัดสินใจที่จะมุ่งมั่นในสายงานท่องเที่ยวและงานบริการ โดยเข้าร่วมกับสถาบันด้านอาหารที่ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ เชฟศรัณย์นับเป็นผู้นำหลักของ โคคอต ฟาร์ม โรสต์ แอนด์ ไวน์เนอรี่
ซิกเนเจอร์เมนูที่คิดค้นเพื่อเอาใจชาวมหานคร ได้แก่ เนื้อวากิวโทมาฮ่อกจากออสเตรเลีย ตามด้วย เมนูแนะนำอย่าง ครอเก็ต เอ๊กซ์ โชริโซ ไอเบอริโคะ (Croquetas X Chorizo Iberico), เป็ดย่างกรอบหมักด้วยถั่วเหลืองและน้ำผึ้ง, โคคอตทรัฟเฟิล คาเมมเบอร์ท, หอยทากฝรั่งเศส, ทาทาร์ ออ โคเตอร์, และ โคคอต ฟาร์มเมอร์ บอร์ด และยังมีเมนู-ของหวานตามสไตล์ฝรั่งเศสสุดคลาสสิค ด้วยขนมปังสไตล์ปารีส ทำจากแป้งชูว์ และขนมถั่วที่เคลือบด้วยคาราเมล ครบทุกรสความอร่อย
นอกเหนือไปจากการนำเข้าวัตถุดิบชั้นเยี่ยมของร้านแล้ว ความใส่ใจในรายละเอียดที่คัดสรรไวน์วินเทจ จากแหล่งผลิตคุณภาพสูงของโลก การสร้างสรรเมนูค็อกเทลทให้เป็นดั่งงานศิลปะชั้นยอด อย่างเมนูดื่มชื่อว่าโคคอต ฟีล และ คิงแอนด์ควีนออฟการ์เด้น (Cocotte's Fuel and King & Queen of Garden) โคคอตยังนำเสนอชีสจากถิ่นกำเนิดและกาแฟแบรนด์นำเข้าอย่าง Lavazza
ทั้งนี้ ทางร้านยังเสนอเมนูง่ายที่สามารถนำกลับไปทานได้ ด้วยการย่างเนื้อไก่ให้พอดีในเตาอบเฉพาะ อร่อยแบบพอดีคำ วากิวออฟพอร์ค (Wagyu of Pork) รวมถึงเมนูระดับตำนานอย่าง โคคอตเบอร์เกอร์ 2.0 (Cocotte Burger 2.0) ทั้งสามเมนูนี้ถูกปรุงในครัวแบบเปิด ซึ่งมั่นใจได้ว่า ตอบโจทย์ลูกค้าที่เลือกเฉพาะอาหารคุณภาพและรวดเร็ว
"เราเข้าใจในชีวิตคนเมืองที่เน้นความรวดเร็ว นั่นคือเหตุที่เราใช้เวลาของเราเพื่อนำเสนอจานคุณภาพ และปรุงอย่างพิถีพิถัน" กล่าวโดย ผู้ร่วมก่อตั้ง มร. แมกเซนต์ เลอ บาร์ธ
ด้วยแรงบันดาลใจของร้านอาหารที่เน้นการปรุงอย่างพิถีพิถันแบบต้นตำรับอย่างประเทศอิตาลี การปรุงอาหารอย่างพิถีพิถัน นับเป็นรากฐานที่เผยแพร่ไปทั่วโลก ผ่านการพัฒนาเทคนิคจนกลายมาเป็นการปรุงอาหารแบบรวดเร็วและสำเร็จรูปในที่สุด ยังคงไว้ซึ่งวิถีการปรุงแต่งแบบดั้งเดิม ผสานด้วยสูตรอาหารจากท้องถิ่นเดิม ทั้งยังจูงใจกุลุ่มผู้ผลิต ให้บำรุงรักษาต้นไม้ เมล็ดพันธุ์และดูแลสิ่งมีชีวิตอื่นในระบบนิเวศตามแนวคิดอีโค่ ด้วยเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน ร่วมสนับสนุนกลุ่มธุรกิจรายย่อยและผู้ผลิตท้องถิ่น
กอปรกับแนวคิดที่แฝงไว้ซึ่งความคิดสร้างสรรค์ที่อยู่เบื้องหลังการทำธุรกิจและแสดงออกถึงวิสัยทัศน์อย่างชัดเจน ทีมงานร้านโคคอต ได้เดินทางไปทั่วประเทศไทยเพื่อคัดสรรวัตถุดิบและคัดกรองให้ได้มากที่สุด ทั้งียังเลือกการนำเข้าวัตถุดิบเนื้อสัตว์ อาหารทะเล และไวน์ชั้นยอดจากผู้ประกอบการในต่างประเทศที่ได้รับความเชื่อถือมายาวนาน
ทางร้านยังคงใช้เครื่องย่างขนาดเล็กแบบหมุนได้ตามวิถีดั้งเดิม โดยใช้กับวัตถุดิบหลักเช่น เนื้อไก่ ทั้งนี้ ทางร้านยังใช้เทคนิคการทำบาร์บีคิวแบบ คาร์โมโดโจ ซึ่งนับเป็นเทคนิคระดับสูง เอ็กซิคิวทีฟเชฟ เจอริโก แวน เดอ วูฟ และทีมงานใช้เชือกตรึงกับเนื้อวัวและอาหารทะเลเพื่อให้เนื้อยังคงความชุ่มชื้นและนุ่มลิ้มอย่างไร้ที่ติ ทั้งนี้ ร้านโคคอตนับเป็นร้านอาหารแรกในกรุงเทพฯ ที่ใช้วิธีบาร์บีคิวแบบ คาร์มาโด โจ ให้เห็นถึงการผสานเทคนิคขั้นสูงในการกริลล์อย่างยอดเยี่ยม
"เราภูมิใจที่เราจะได้ตอบแทนสิ่งที่ดีให้กับสังคมไทยด้วยการสนับสนุนเกษตรกรท้องถิ่น โดยการนำวัตถุดิบเกรดเอจากทั่วประเทศเสิร์ฟตรงให้กับลูกค้าของเรา" แม็กเซนต์ เลอ บาร์ธ กล่าว "การปรุงอาหารอย่างพิถีพิถัน ไม่เพียงแต่เป็นคอนเซปต์หลัก แต่เป็นการแสดงถึงหลักปรัชญาที่เรายึดมั่น ซึ่งเป็นหัวใจหลักสะท้านถึงสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ เราใช้เวลามากกว่าหนึ่งปีในการค้นหาวัตถุดิบก่อนที่จะเปิดร้าน และแน่นอนเราได้สร้างและแสดงให้เห็นว่า เราเข้าใจการปรุงแบบพิถีพิถันอย่างแท้จริง"
เอ็กซ์ซิคิวทีฟเชฟ เจอริโก กล่าวเพิ่มเติม " คอนเซปต์หลักของโคคอต เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ช่วยโปรโมตงานของชาวนาและผู้ประกอบการ ที่ทำงานอย่างหนักเพือนำส่งผลิตภัณฑ์ที่ดีสู่ครัวของเรา งานของเรานั้น เน้นการคัดสรรวัตถุดิบดีมีคุณภาพสูงโดยนำมาปรุงให้ดีที่สุดและเสิร์ฟให้คุณได้รับประทาน"
ร้านอาหาร โคคอต ฟาร์ม โรสต์ แอนด์ ไวน์เนอรี่ ตั้งอยู่บริเวณชั้น G บนตึก 39 Boulevard บนถนนสุขุมวิท ซอย 39 สำหรับช่วงกลางวัน เปิด 11:00 - 15:00 น. ช่วงค่ำ เปิดเวลา 18:00 - 24:00 น. บริหารงานโดย Hospitality Management Asia ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านการบริการประเภทร้านอาหารหลากหลายสาขาทั่วประเทศ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร 092-664-6777 หรือ Facebook: @cocottebkk