กรุงเทพฯ--12 ธ.ค.--แอสเพ็น เทคโนโลยี อิงค์
แอสเพ็น เทคโนโลยี อิงค์ (Aspen Technology, Inc. (NASDAQ: AZPN) บริษัทผู้จำหน่ายซอฟต์แวร์ด้านการเพิ่มประสิทธิภาพสินทรัพย์ (Asset optimization software) ประกาศว่า หลังจากได้ผ่านกระบวนการเปรียบเทียบเพื่อคัดเลือกแล้ว กลุ่มธุรกิจบรรจุภัณฑ์เอสซีจีซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้านบรรจุภัณฑ์รายใหญ่ในประเทศไทย ได้ตัดสินใจเลือกใช้ซอฟต์แวร์ Aspen Mtell เพื่อลดปัญหาที่ระบบหยุดทำงานโดยไม่ได้มีการวางแผนไว้ และเมื่อนำซอฟต์แวร์อันประกอบไปด้วยเทคโนโลยีแมชชีนเลิร์นนิ่งขั้นสูงนี้มาใช้สร้างความเป็นเลิศในการปฏิบัติงานแล้ว จะทำให้เอสซีจีเป็นผู้นำด้านการปฏิรูปดิจิทัลอย่างรวดเร็ว
ซอฟต์แวร์แอสเพ็น เอ็มเทล (Aspen Mtell) ทำหน้าที่รวบรวมและประมวลผลข้อมูลจากกระบวนการผลิตและการซ่อมบำรุงรักษาในอดีตและแบบเรียลไทม์ เพื่อค้นหาสาเหตุถึงการหยุดทำงานของระบบที่แม่นยำ ซึ่งสามารถนำมาใช้จัดการด้านสินทรัพย์เสื่อมสภาพและเสียหาย รวมถึงสามารถช่วยคาดการณ์ก่อนการหยุดทำงานของระบบในอนาคต และช่วยวางแผนปฏิบัติงานอย่างละเอียดเพื่อลดปัญหาหรือแก้ไขปัญหาต่างๆ ทั้งนี้ เอสซีจีได้เลือกใช้ซอฟต์แวร์ Aspen Mtell จากคุณสมบัติที่โดดเด่นของซอฟต์แวร์ในด้านความรวดเร็วในการทำงานและติดตั้ง การตรวจจับความผิดพลาดของสินทรัพย์ล่วงหน้าเป็นระยะเวลาล่วงหน้ายาวนานและถูกต้องแม่นยำ รวมถึงความสามารถในการหลีกเลี่ยงการเตือนที่ผิดพลาดและศักยภาพในการขยายขนาดโซลูชันทั้งระบบได้อย่างราบรื่น
เอสซีจีกล่าวว่า "เมื่อเปรียบเทียบกับระบบซอฟต์แวร์คู่แข่ง พบว่าซอฟต์แวร์ Aspen Mtell สามารถทำนายความเสื่อมสภาพของสินทรัพย์ล่วงหน้าได้เร็วกว่าคู่แข่งมาก และด้วยการตัดสินใจใช้ซอฟต์แวร์ Aspen Mtell ที่รองรับการใช้งานได้ทั้งองคกร์กร ให้ศักยภาพในระบบวิเคราะห์เชิงพยากรณ์และการวิเคราะห์ข้อมูลแบบพื้นฐานมาใช้ในกิจกรรมด้านการซ่อมบำรุงรักษาระบบและสินทรัพย์ที่ดีที่สุด ส่งให้เอสซีจีกลายเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมที่มีวิสัยทัศน์เปิดรับเทคโนโลยีระดับ Industry 4.0 ใหม่ๆ มาใช้เป็นกลุ่มแรก"
ดร. ฟิลิปเป้ ซอเรส-ปินโต รองประธานอาวุโสฝ่ายขายและปฏิบัติการประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกแห่งแอสเพ็น เทคได้กล่าวว่า "เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ เอสซีจีได้เลือกซอฟต์แวร์ Aspen Mtell เพื่อช่วยปฏิรูปยุทธศาสตร์ดิจิทัลและสร้างความเป็นเลิศในการปฏิบัติงานผ่านซอฟต์แวร์ที่มีการเรียนรู้เองในขั้นสูง ทั้งนี้ การที่สามารถลดระยะเวลาที่ระบบหยุดทำงานโดยไม่ได้มีการวางแผนไว้จะทำให้อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์สามารถเพิ่มผลกำไรได้มากขึ้นและเพิ่มเวลาในการทำงานของระบบได้เต็มศักยภาพสูงสุด"