กรุงเทพฯ--12 ธ.ค.--วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส
สภาวะตลาดวันที่ 12 ธันวาคม 2561 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,241.70-1,246.14 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 19,350 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวลดลง 50 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,400 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFZ18 อยู่ที่ 19,380 บาท โดยราคาปรับตัวลดลง 100 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,480 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.28 น. ของวันที่ 12/12/61)
แนวโน้มวันที่ 13 ธันวาคม 2561
สัญญาณความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐ-จีนผ่อนคลายลง เมื่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐระบุ ว่าจีนเตรียมซื้อถั่วเหลืองสหรัฐปริมาณมากและอยู่ระหว่างการเจรจาการค้ากับจีน โดยมีแนวโน้มจัดประชุมเพิ่มเติมในกลุ่มเจ้าหน้าที่สหรัฐและจีน ขณะเดียวกันจีนตกลงที่จะลดภาษีต่อรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ที่ผลิตในสหรัฐสู่ 15% จาก 40% ในปัจจุบัน อีกปัจจัยที่ลดความตึงเครียดลงคือรายงานข่าวระบุว่านางเมิ่ง วานโจว ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินของบริษัท Huawei Technologies ได้รับการประกันตัวโดยศาลแคนาดา หลังจากถูกจับกุมตัวในเมืองแวนคูเวอร์ตามคำร้องของทางการสหรัฐ แนวโน้มดังกล่าวส่งผลบวกต่อราคาทองคำ นอกจากนี้ ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ ระบุว่า จะเป็นเรื่องที่ผิดพลาดถ้าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า ซึ่งเป็นการวิจารณ์เฟดอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามด้านเทรดเดอร์สัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของสหรัฐ คาดว่าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์หน้า เพื่อรับมือกับตลาดแรงงานที่ร้อนแรงและเศรษฐกิจที่ปรับตัวเหนือแนวโน้ม แต่แรงกดดันดังกล่าวจากปธน.ทรัมป์อาจจะส่งผลให้แผนของเฟดในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปในปีหน้า เผชิญกับความไม่แน่นอนมากขึ้น โดยเทรดเดอร์ในตลาดล่วงหน้าคาดถึงการหยุดขึ้นดอกเบี้ยและธนาคารรายใหญ่แห่งหนึ่งปรับลดคาดการณ์เชิงรุกบางส่วน แนวโน้มดังกล่าวหนุนให้ราคาทองคำทรงตัวรักษาระดับไว้ได้ อย่างไรก็ตามแนะนำนักลงทุนติดตามการประชุมนโยบายการเงินธนาคารกลางยุโรป(ECB) โดยเฉพาะถ้อยแถลงของนายมาริโอ ดรากี ประธาน ECB เพราะหากประธาน ECB ส่งสัญญาณผ่อนนโยบายการเงินมากกว่าช่วงก่อนหน้า รวมถึงมุมมองต่อเศรษฐกิจยูโรโซนในเชิงลบ ประเด็นดังกล่าวอาจกดดันสกุลเงินยูโร และกดดันราคาทองคำเช่นกัน เบื้องต้นวายแอลจีประเมินว่า ราคาทองคำมีโอกาสจะอ่อนตัวลงสู่แนวรับบริเวณ 1,236-1,233 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สำหรับนักลงทุนระยะสั้นสามารถเสี่ยงซื้อในบริเวณแนวรับเพื่อหาจังหวะขายทำกำไรเมื่อราคาทองคำดีดตัวขึ้น โดยการเข้าลงทุนต้องไม่ลืมตั้งจุดขายทำกำไรและจุดตัดขาดทุนให้ชัดเจน ในขณะที่นักลงทุนระยะกลางถึงยาวอาจต้องรอการปรับฐานของราคาทองคำก่อนเข้าซื้อ
กลยุทธ์การลงทุน วายแอลจีมีมุมมองว่า ในระยะสั้นหากราคาทองคำอาจขยับขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,256 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยบริเวณนี้นักลงทุนที่สะสมทองคำไว้อาจมีการขายทำกำไรบางส่วนออกมาบ้าง โดยให้ดูว่าราคาจะผ่านแนวต้านได้หรือไม่ ซึ่งหากไม่ผ่านราคาอาจจะมีการอ่อนตัวลงอีกครั้ง ซึ่งหากราคาทองคำยืนเหนือบริเวณแนวรับ 1,236-1,233 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ แนะนำให้นักลงทุนเข้าซื้อเมื่อราคาย่อตัวลงมาบริเวณดังกล่าว และรอไปขายทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวขึ้นไปหรือตามบริเวณแนวต้านต่างๆ อย่างไรก็ตามวายแอลจีเน้นย้ำว่านักลงทุนระยะสั้นควรวางแผนการลงทุนที่ชัดเจน มีจุดเข้าซื้อ จุดขายทำกำไร หรือจุดตัดขาดทุน และปฏิบัติตามแผนที่วางไว้อย่างเคร่งครัด
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,233 (19,100บาท) 1,221 (18,900บาท) 1,212 (18,800บาท)
แนวต้าน 1,256 (19,500บาท) 1,266 (19,650บาท) 1,278 (19,850บาท)
GOLD FUTURES (GFZ18)
แนวรับ 1,233 (19,200บาท) 1,221 (19,020บาท) 1,212 (18,880บาท)
แนวต้าน 1,256 (19,570บาท) 1,266 (19,720บาท) 1,278 (19,910บาท)
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999