กรุงเทพฯ--14 ธ.ค.--IR PLUS
ITEL ปลื้มชนะประมูลงานโครงการ USO เฟส 2 ของกสทช. มูลค่าราว 3,560 ล้านบาท รวม Backlog เดิมที่มีอยู่ 2,500 ล้านบาท หนุนงานในมือเพิ่มเป็น 6,060 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ มั่นใจรายได้ทั้งปี 2561 โตเกิน 40% มากกว่าเป้าหมายที่วางไว้ต้นปี
นายณัฐนัย อนันตรัมพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม จำกัด (มหาชน) หรือITEL เปิดเผยว่า จากการที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดประมูลโครงการจัดให้มีบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ห่างไกล (Zone C) จำนวน 15,732 หมู่บ้าน หรือ USO 2 โดยประกอบไปด้วยสัญญากลุ่มที่ 6 ภาคกลาง 1 ซึ่งเข้าประมูลในนามคอนโซเตียมกับบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และสัญญากลุ่มที่ 8 ภาคใต้ ซึ่งเข้าประมูลในนามบริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ ITEL มูลค่ารวมกันกว่า 3,560 ล้านบาท เมื่อนำมารวมกับงานในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) ที่มีในปัจจุบัน 2,500 ล้านบาท จะทำให้บริษัทมีงานในมือเพิ่มขึ้นเป็น 6,060 ล้านบาท โดยสัญญาโครงการ USO เฟส 2 ดังกล่าวมีระยะเวลาดำเนินการทั้งสิ้นประมาณ 6 ปี โดยในปีแรกจะต้องดำเนินการติดตั้งให้แล้วเสร็จ คิดเป็น 40% ของมูลค่างานทั้งหมด และให้บริการต่อเนื่องไปเป็นระยะเวลา 5 ปีภายหลังส่งมอบ
ทั้งนี้เมื่อปี 2560 ที่ผ่านมา ITEL ได้งานจากกสทช. ในการจัดให้มีสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่และบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ชายขอบ 3,920 หมู่บ้าน โดยในครั้งนั้น ITEL เป็นผู้ชนะการประมูลในสัญญาการจัดให้มีบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง กลุ่มที่ 4 (ภาคกลาง-ภาคใต้) จำนวน 24 จังหวัด รวมถึงกลุ่มที่ 5 (3 จังหวัดชายแดนภาคใต้รวม 4 อำเภอ จังหวัดสงขลา) มูลค่า 1,868 ล้านบาท และได้ดำเนินการติดตั้งและเริ่มให้บริการไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย
นายณัฐนัย กล่าวว่า ในปี 2561 บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ไว้ที่ 1,400 ล้านบาท เติบโตไม่ต่ำกว่า 40% จากปีก่อน คาดว่าจะทำได้เกินเป้าหมายที่วางไว้ ทั้งนี้ผลประกอบการในงวด 9 เดือนของปี 2561 (ม.ค.-ก.ย.2561) บริษัทมีรายได้รวม 1,282 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 650.11 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 102.90 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 631.78 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 98.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.12 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 39.68 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
"ในช่วงกลางเดือนธันวาคมนี้ เตรียมเสนอคณะกรรมการบริษัทเพื่อขออนุมัติแผนธุรกิจในปี 2562 พร้อมทั้งเสนอปรับเพิ่มเป้าหมายการเติบโตของปี 2561 เพราะผลประกอบการของบริษัทอยู่ที่กว่า 90% ของเป้าหมายที่วางไว้ต้นปี และการได้งานโครงการ USO เฟส 2 เพิ่มเติมเข้ามาอีก จะมีผลทำให้ผลประกอบการในปีนี้เติบโตได้ตามเป้าหมาย อีกทั้งบริษัทยังมีอีกหลายโครงการที่อยู่ระหว่างรอผลการประมูล ล่าสุดยังมีงานในมือกว่า 2,500 ล้านบาท โดยบางส่วนจะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ และเมื่อรวมกับรายได้ที่เข้ามาใหม่ทำให้มั่นใจได้ว่าการเติบโตจะไปถึงเป้าหมาย เสริมแกร่งรายได้ในอนาคตมากยิ่งขึ้น" นายณัฐนัย กล่าว