กรุงเทพฯ--14 ธ.ค.--ครินบอร์น คอมมิวนิเคชั่นส์
เดินทางย้อนเวลาสู่ประวัติศาสตร์สำรับอาหารไทย ตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัยจวบจนถึงกรุงรัตนโกสินทร์ ณ ห้องอาหารพระยา ไดนิ่ง ณ โรงแรมพระยา พาลาซโซ สำรับอาหารไทยแต่ละยุคสมัยและในแต่ละภูมิภาค ล้วนแล้วแต่สะท้อนถึงฐานรากทางวัฒนธรรมและอิทธิพลทางสังคมของแต่ละช่วงยุคสมัยของประเทศไทยทั้งสิ้น
โรงแรมพระยา พาลาซโซ ภายใต้เครือมนทาระ ดำเนินงานภายใต้วิสัยทัศน์ที่มุ่งหวังว่าจะเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนองค์ความรู้และประวัติศาสตร์จากชนรุ่นก่อนส่งต่อถึงชนรุ่นหลังสืบไป ด้วยการรักษาไว้ซึ่งทั้งสถาปัตยกรรมดั้งเดิม สไตล์ พาลาดิโอ ตั้งแต่รัชกาลที่ 6 ไปจนถึงการทำนุบำรุงรักษาไว้ ซึ่งตำรับอาหารไทยตั้งแต่สมัยโบราณกาลจวบจนถึงอาหารไทยที่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน เพื่อส่งต่อถึงความอุดมสมบูรณ์ของฐานรากวัฒนธรรมไทยจากรุ่นสู่รุ่น ในห้องอาหารพระยา ไดนิ่ง เฉกเช่นเดียวกับการรักษาไว้ซึ่งสูตรอาหารใต้แบบดั้งเดิมรสมือแม่ที่ ซีฟู้ด ณ ตรีสรา และ ห้องอาหาร พรุ ซึ่งใช้วัตุดิบที่ปลูกเองและวัตถุดิบจากท้องถิ่นเพื่อความยั่งยืน ซึ่งได้รับรางวัล มิชลินเพลท และ มิชลิน 1 ดาว ตามลำดับ โดยหวังว่าจะสามารถส่งต่อวิสัยทัศน์ผ่านสถาปัตยกรรมและสำรับอาหารไทย ณ โรงแรมพระยา พาลาซโซและห้องอาหารพระยา ไดนิ่ง สู่ชนรุ่นหลังเช่นกัน
พระยา ไดนิ่ง พาท่านเดินทางสู่ยุคสุโขทัย ด้วย เมนู "หลน" ซึ่งสะท้อนถึงความเรียบง่ายแต่ร่ำรวยทางวัตถุดิบ กับ "หลนปู" และ "หลนปลาเค็ม" โดยสะท้อนให้เห็นถึงสมัยสุโขทัยที่ยังมีวิธีการปรุงแบบเรียบง่ายและเป็นเมนูอาหารที่รวมความอุดมของวัตถุดิบเช่นผักสดต่างๆหลากหลายชนิด เป็นต้น ไปสู่กรุงศรีอยุธยา ซึ่งเริ่มรับอิทธิพลทางวัฒนธรรมจากต่างชาติ พร้อมทั้งได้รับวัตถุดิบสำคัญ ในสำหรับอาหารไทย อย่าง "พริก" รวมถึงวิธีการ ผัด และทอด ไม่ว่าจะเป็นเมนู "กุ้งโสร่ง" "น้ำพริกกะปิ" "ขนมจีนน้ำยาปลา" หรือ แม้แต่ "แกงมัสมั่น"
ไล่เรียงมาจนถึงยุครัตนโกสินทร์ โดยมีการสถาปนา "กรุงเทพมหานครฯ" ขึ้นเป็นเมืองหลวง ในขณะเดียวกัน ก็ถือเป็นจุดกำเนิดของ ราชวงศ์จักรี ซึ่งยังคงปกครองประเทศไทยมาจวบจนถึงปัจจุบัน ในช่วงยุคสมัยของกรุงรัตนโกสินทร์นี้ ถือเป็นจุดสำคัญของอาหารไทยในปัจจุบันนี้ ทั้งการถือกำเนิดของ "สตรีทฟู้ด" โดยพ่อค้าแม่ค้าชาวจีนที่มาตั้งถิ่นฐาน และ การถือกำเนิดของ อาหารยอดนิยมที่เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก อย่าง "ผัดไทย" หรือแม้แต่เป็นจุดกำเนิดของ "กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน" อันเป็นกาพย์ที่ถูกกล่าวถึงอยู่ตลอดจนทุกวันนี้ และเป็นเหมือนรากฐานในบทการละครและเรื่องราวเกี่ยวกับสำรับอาหารไทยมาเสมอ
พระยา ไดนิ่ง ตระเตรียมเมนูขึ้นชื่อ รวมถึงเมนูที่หาทานยากได้ปัจจุบัน ทั้งยังแสดงออกถึงเรื่องราวความเป็นมาในแต่ละยุคของประเทศไทย จากการศึกษาเมนูตำรับตำราโบราณต่างๆ รวมไปถึงหนังสืออาหารสำรับชาววัง อย่าง "กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน" บทประพันธ์ในรัชกาลที่ 2, "คู่มือแม่ครัว" ประพันธ์โดย ล. เภตรารัตน์,"ตำรับกับเข้า" ประพัน์โดยหม่อมซ่มจีน หรือ หนังสือ "เรื่องเล่าชาววัง หรือ ชีวิตในวัง" โดยหม่อมหลวงเนื่อง นิลรัตน์ ซึ่งได้กลายเป็น เมนูซิกเนเจอร์ ของห้องอาหาร พระยา ไดนิ่ง อย่าง "ล่าเตียง", "แสร้งว่ากุ้งปลาดุกฟู" "แกงรัญจวน" และ "หมูผัดส้มเสี้ยว" รวมไปถึงขนมหวานอย่าง "บัวลอยลูกตาล" อีกด้วย
ห้องอาหารพระยา ไดนิ่ง ตั้งอยู่ใน โรงแรมพระยา พาลาซโซ เป็นอาคารเก่าแก่อายุกว่า 100 ปี ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา สามารถเดินทางได้โดยทางเรือเท่านั้น โดยทางโรงแรมมีบริการเรือรับส่งไปท่าต่างๆในบริเวณใกล้เคียง ตลอด 24 ชั่วโมง และ ท่าเรือหลักทั้งท่าพระอาทิตย์ และ ท่าเรือวัดราชาธิวาส (ซึ่งสามารถจอดรถได้ที่ท่านี้)
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ของ โรงแรมพระยา พาลาซโซ ได้ที่ โทร. 02-883 2998 หรือ 081-402 8118 และที่ reservation@prayapalazzo.com สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.prayapalazzo.com