กรุงเทพฯ--18 ธ.ค.--กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แถลงข่าว "โครงการช็อปยางล้อช่วยชาติ" พร้อมด้วย นายเยี่ยม ถาวโรฤทธิ์ รักษาการผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย และนายณกรณ์ ตรรกวิรพัท รองผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย ณ การยางแห่งประเทศไทย ว่า ภายหลังจากที่มติคณะรัฐมนตรีเห็นชอบมาตรการ ช็อป ช่วย ชาติ เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยสินค้าที่เข้าร่วมในปีนี้ มี 3 ประเภท ได้แก่ หนังสือ สินค้าโอทอป และยางรถยนต์ที่ผลิตในประเทศไทย ซึ่งประชาชนที่ซื้อสินค้าดังกล่าวสามารถนำรายจ่ายมาหักลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 15,000 บาท โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยางรถยนต์ ซึ่งจะต้องมีใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปแบบ และคูปองที่ กยท. ออกให้ไว้เป็นหลักฐาน เพื่อใช้หักลดหย่อนภาษีในปีที่ซื้อ หากซื้อช่วงปีไหนก็หักลดหย่อนภาษีในปีนั้น โดยเริ่มช็อปสินค้าได้ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2561 จนถึง 16 มกราคม 2562 รวมระยะเวลา 1 เดือน ซึ่งขณะนี้ โครงการช็อปยางล้อช่วยชาติ ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากภาครัฐ ทั้งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง ได้ผลักดันนโยบายให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ส่งเสริมให้ภาคสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางมีการผลิตวัตถุดิบให้ได้คุณภาพมาตรฐาน ในส่วนภาคเอกชนซึ่งเป็นบริษัทผู้ประกอบการยางล้อ และตัวแทนจำหน่ายที่ให้การสนับสนุน รวมถึงภาคประชาชน ในฐานะผู้บริโภคที่ใช้ยางล้อ ก็จะได้สินค้าดีมีคุณภาพ และเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรอีกด้วย
"มาตรการดังกล่าว ได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการยางล้อในการเข้าร่วมโครงการ โดยขณะนี้มี 5 บริษัท ได้แก่ บริษัท IRC บริษัท Maxxis บริษัท N.D Rubber บริษัท ดีสโตน และ บริษัทโอตานิ ที่รับซื้อวัตถุดิบยางจาก กยท.เพื่อนำไปผลิตล้อยาง ซึ่งมาตรการดังกล่าวนอกจากจะกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวมแล้ว ยังเป็นการสนับสนุนให้มีการใช้ยางพาราในประเทศให้เพิ่มสูงขึ้นตามนโยบายรัฐบาล อีกทั้งจะส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อสินค้าที่ผลิตในประเทศไทยด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ภายหลังโครงการนี้สิ้นสุดลง กระทรวงเกษตรฯ ก็จะมีมาตรการอื่น ๆ เข้ามาช่วยส่งเสริมให้เกิดการซื้อขายยางภายในประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดันให้ราคายางพาราเพิ่มสูงขึ้น"นายกฤษฎา กล่าว
นายเยี่ยม ถาวโรฤทธิ์ รักษาการผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับคูปองลดหย่อนภาษีที่จัดสรรให้กับบริษัทผู้ผลิตยางล้อ ได้แบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ คูปองสำหรับยางล้อรถยนต์ ประเภท 4 ล้อ ได้รับคูปองจำนวน 100 ใบ ต่อการซื้อวัตถุดิบ 1 ตัน และคูปองสำหรับยางล้อรถจักรยานยนต์หรือรถจักรยาน ประเภทรถ 2 ล้อ ได้รับคูปองจำนวน 500 ใบ ต่อการซื้อวัตถุดิบ 1 ตัน ทั้งนี้ นอกจากจาก 5 บริษัทดังกล่าว ยังมีบริษัทผู้ผลิตยางล้อในประเทศไทย ที่ให้ความสนใจเข้าร่วมโครงการเพื่อซื้อยางช่วยชาติ โดยสามารถนำใบเสร็จ หรือเอกสารสัญญาซื้อยางจากคู่สัญญา ซึ่งเป็นสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางที่ขึ้นทะเบียนไว้กับ กยท. มาแสดงต่อ กยท.เพื่อรับคูปอง และนำคูปองไปกระจายต่อบริษัทหรือร้านค้าที่จำหน่ายยางได้ โดยทุกส่วนงานจะช่วยกันประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบว่ามีร้านค้าใดเข้าร่วมโครงการดังกล่าว เพื่อกระตุ้นการใช้ยางภายในประเทศเพิ่มสูงขึ้น