กรุงเทพฯ--18 ธ.ค.--วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส
สภาวะตลาดวันที่ 18 ธันวาคม 2561 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,244.70-1,248.96 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 19,350 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 100 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,250 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFZ18 อยู่ที่ 19,430 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 130 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,300 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.15 น. ของวันที่ 18/12/61)
แนวโน้มวันที่ 19 ธันวาคม 2561
ท่ามกลางความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐที่ชะลอลง ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐและที่ปรึกษาด้านการค้าระดับสูงของ วิจารณ์เรื่องการคุมเข้มทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟด ซึ่งรวมถึงนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด มีความระมัดระวังมากขึ้นเกี่ยวกับการปรับขึ้นดอกเบี้ย ทั้งนี้หากย้อนไปเมื่อการประชุมเฟดครั้งก่อนในเดือนก.ย.ที่ผ่านมา พบว่าคาดการณ์ของเฟดบ่งชี้ถึงแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปี 2562 แต่เมื่อพิจารณาล่าสุดจากตลาดสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ย นักลงทุนปรับตัวรับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเพียง 1 ครั้งสำหรับปี 2562 แนวโน้มดังกล่าวกดดอลลาร์ให้อ่อนค่าลง จนหนุนให้ราคาทองคำขยับขึ้น อย่างไรก็ตามราคาทองคำขยับขึ้นได้ไม่ไกลนัก เพราะนักลงทุนรอคอยความชัดเจนจากผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ในวันที่ 18-19 ธ.ค. เพื่อหาสัญญาณการดำเนินนโยบายในอนาคต แนะนำติดตามแถลงการณ์ของประธานเฟดหลังการประชุม รวมทั้งมุมมองแนวโน้มเศรษฐสหรัฐในปี 2562 ซึ่งเริ่มมีกระแสคาดการณ์ว่าเฟดอาจมีโอกาสปรับลดคาดการณ์ตัวเลขจีดีพีสหรัฐ และปรับลดเป้าหมายการขึ้นดอกเบี้ยลงเหลือสองถึงสามครั้งในปี 2562 และหนึ่งครั้งในปี 2563 อย่างไรก็ตามอาจรอผลที่ชัดเจนจากการประชุมเพราะสถานการณ์ยังคงมีความไม่แน่นอน นอกจากนี้แนะนำติดตามการเคลื่อนไหวของบาทที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ในช่วงนี้ที่ยังคงเป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำในประเทศ โดยแนะนำติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ของไทยในวันพุธนี้ ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่ากนง.จะขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 7 ปี จากระดับ 1.50% เป็น 1.75% และคาดการณ์ว่าแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของไทยจะปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 2% ก่อนสิ้นปี 2562 ซึ่งคาดว่าจะปรับขึ้นใน Q1/2562 หรือขึ้นก่อนการเลือกตั้ง แนวโน้มดอกเบี้ยของไทยที่เพิ่มขึ้นหนุนค่าเงินบาทให้แข็งค่าขึ้นจนเป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำในประเทศ ทั้งนี้ การเคลื่อนไหวของราคาทองคำจะมีแนวรับบริเวณ 1,233-1,221 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากยืนอยู่ราคาทองคำจะดีดตัวกลับไปในโซน 1,249-1,256 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยนักลงทุนควรเน้นไปที่การทำกำไรระยะสั้นจากการแกว่งตัว รวมทั้งวางแผนการลงทุนอย่างรอบคอบ
กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจีมีมุมมองว่า สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้น้อยให้แนะนำให้รอการตั้งฐานของราคาทองคำ แต่สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้แนะนำให้รอจังหวะซื้อหากราคาไม่หลุดแนวรับ 1,233-1,221 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และขายทำกำไรบริเวณแนวต้าน เมื่อราคาทองคำดีดตัวขึ้นและไม่ผ่านแนวต้าน 1,249-1,256 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากสามารถผ่านได้ให้รอขายทำกำไรบริเวณแนวต้านถัดไป นอกจากนี้แนะนำให้วางแผนการลงทุนอย่างรอบคอบ โดยกำหนดจุดทำกำไร จุดตัดขาดทุน และควรคำนึงถึงความผันผวนของราคาจากผลการประชุมเฟดเพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,233 (19,050บาท) 1,221 (18,900บาท) 1,212 (18,750บาท)
แนวต้าน 1,249 (19,350บาท) 1,256 (19,450บาท) 1,266 (19,600บาท)
GOLD FUTURES (GFZ18)
แนวรับ 1,233 (19,180บาท) 1,221 (19,000บาท) 1,212 (18,860บาท)
แนวต้าน 1,249 (19,440บาท) 1,256 (19,550บาท) 1,266 (19,700บาท)
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999