กรุงเทพฯ--18 ธ.ค.--โมเดิร์นเทียร์
กระทรวงวิทย์ฯ ร่วมกับ อพวช.จัดงาน "The MAKERS' Celebration ก้าวต่อไป…วิทย์สร้างคน" เชิดชูความสำเร็จการแข่งขันด้านวิทยาศาสตร์ (Science Competition) ภายใต้โครงการ "วิทย์สร้างคน" รวมทั้งหมด 8 โครงการ โดยมีเยาวชนไทยเข้าร่วมประกวดแข่งขันจากทั่วประเทศ พร้อมเตรียมสานต่อโครงการในปี 62 ส่งเสริมเยาวชนไทยกล้าแสดงออกทางความคิด
นางกรรณิการ์ เฉิน รองผู้อำนวยการองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) กล่าวว่า ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และ อพวช. ได้ดำเนินโครงการ "วิทย์สร้างคน" ตลอดปี 2561 รวมทั้งสิ้น 8 โครงการนั้น พบว่าได้รับความสนใจจากเยาวชนทั่วประเทศเข้าร่วมโครงการเป็นจำนวนมาก ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเยาวชนไทยมีความสามารถ และมีศักยภาพทางวิทยาศาสตร์อยู่ในระดับที่ดี และน่าเชิดชู จึงได้จัดงาน "The MAKERS' Celebrationก้าวต่อไป...วิทย์สร้างคน"เพื่อเป็นการเผยแพร่ความสำเร็จของโครงการ "วิทย์สร้างคน" ในปี 2561 พร้อมเชิดชู ยกย่องบุคคลสำคัญผู้ปลูกฝัง ผลักดันเยาวชนให้ตระหนักถึงความสำคัญทางด้านวิทยาศาสตร์
สำหรับเยาวชนที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ ทั้ง 8 โครงการ ภายใต้โครงการ "วิทย์สร้างคน" ได้แก่ 1.การประกวดสิ่งประดิษฐ์เชิงวิศวกรรมด้านการบินและอวกาศ ผู้ชนะเลิศอันดับหนึ่ง ได้แก่ นายหม่อง ทองดี 2.การประกวดแข่งขันจรวดขวดน้ำนวัตกรรม รางวัลชนะเลิศประเภท Water Rocket Design Challengeได้แก่ ทีม"Falcon 9" โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย รังสิต 3.โครงการพัฒนาระบบปัญญาประดิษฐ์และอินเตอร์เน็ตของสรรพสิ่ง Artificial Intelligence รางวัลชนะเลิศ ประเภท Open topic ได้แก่ ทีม DiaX 4.การประกวดหุ่นยนต์เพื่อการเกษตรยุคใหม่ รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ ทีม CMU RoboX มหาวิทยาลัยเชียงใหม่5.โครงการแข่งขันโอลิมปิคหุ่นยนต์ระดับนานาชาติ รางวัลชนะเลิศอันดับหนึ่ง ได้แก่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา 6. โครงการประกวดผลงานสิ่งประดิษฐ์ "จักรยานพลังงานทดแทนด้วยแรงลมอัด" รางวัลชนะเลิศอันดับหนึ่ง ได้แก่ ทีมจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี 7.การแข่งขัน KMUTNB Micro-mechanism Robot Contest ผู้ชนะเลิศอันดับหนึ่ง ประเภท การแข่งขันหุ่นยนต์ซูโม่ขนาดเล็ก ได้แก่ เด็กชายวรรท วิณวันก์ และ8. โครงการRSUDigitalGameDev การอบรมและการแข่งขันพัฒนาเกมดิจิทัล โดยตลอดการจัดกิจกรรมทั้ง 8 โครงการนี้ ได้รับการตอบรับที่ดีจากเยาวชนทั่วประเทศ ในการเข้าร่วมประกวดแข่งขัน นับว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ที่เยาวชนไทยได้ให้ความสำคัญกับการใช้ทักษะความรู้ได้อย่างสอดคล้องกับนโยบายสะเต็มศึกษา(STEM Education) ทั้ง 4 ประการ ได้แก่ วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี และวิศวกรรมศาสตร์ มาประยุกต์ใช้ไปพร้อมกับการพัฒนานวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์ได้อย่างเหมาะสม
จากความสำเร็จของโครงการ "วิทย์สร้างคน"ครั้งนี้ จึงเป็นปัจจัยสำคัญของการร่วมมือกับทุกภาคส่วน ในการเตรียมพร้อมสานต่อโครงการสำหรับปีต่อไป เพื่อเสริมสร้างแรงบันดาลใจให้กับเยาวชนรุ่นใหม่ ได้ต่อยอดความคิด สร้างสรรค์ผลงานทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นำความรู้ทั้ง 4 ศาสตร์ มาบูรณาการสิ่งประดิษฐ์ นวัตกรรมที่ก่อประโยชน์ต่อสังคม พร้อมพัฒนาประเทศไปสู่ความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีได้อย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ภายในงานยังได้รับเกียรติจากบุคคลผู้เป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจทางด้านวิทยาศาสตร์ มาร่วมสนทนาแลกเปลี่ยนความรู้ พร้อมแชร์ประสบการณ์หลากหลายมุมมอง ได้แก่ นายณัฐพล รักษ์รัชตกุล (DiaX AI) นายหม่อง ทองดี แชมป์เครื่องบินกระดาษพับประเทศไทยสองสมัย และดร.รณพีร์ ชัยเชาวรัตน์ อาจารย์ประจำสำนักบริหารหลักสูตรวิศวกรรมนานาชาติ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พร้อมทั้งเสวนาพิเศษ ในหัวข้อ "จากไอเดียสู่ต้นแบบนวัตกรรมทำได้จริงหรือไม่" โดย นางกรรณิการ์ เฉิน รองผู้อำนวยการองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ น.ส.ปัทมาวดี พัวพรหมยอด ผู้จัดการส่งเสริมนวัตกรรม ฝ่ายพัฒนาผู้ประกอบการนวัตกรรม สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) และดร.พีรวรรณ วิวัฒนานนท์ วิศวกรฝ่ายวิจัยและพัฒนาขององค์การนาซ่า NASA Langley Research Center ซึ่งนับว่าเป็นบุคคลผู้เป็นเบื้องหลังความสำเร็จของโครงการ "วิทย์สร้างคน" ตลอดจนการสนับสนุนให้เยาวชนไทยได้เข้าถึงวิทยาศาสตร์สิ่งประดิษฐ์อย่างแท้จริง ต่อยอดสู่การสร้างอาชีพในอนาคตได้
"นอกจากการจัดกิจกรรมทางด้านวิทยาศาสตร์ในปี 2561 ทั้ง 8 โครงการแล้ว ยังได้จัดให้มีการมอบรางวัล Prime Minister's Science Award 2018ให้แก่เยาวชนคนเก่งที่มีผลงานโดดเด่น และการมอบรางวัล Prime Minister's Science Teacher Award 2018 ซึ่งเป็นรางวัลเชิดชูเกียรติครูที่ปรึกษาโครงการและส่งเสริมเยาวชนในการเข้าร่วมกิจกรรมจนเป็นที่ยอมรับทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้แก่เยาวชน และผู้เกี่ยวข้องได้มีกำลังใจในการต่อยอดสร้างสรรค์ผลงานทางด้านวิทยาศาสตร์ ที่จะสามารถเป็นผลงานในการพัฒนาชาติในอนาคตได้" นางกรรณิการ์ กล่าว