กรุงเทพฯ--19 ธ.ค.--อินทิเกรเต็ด คอมมูนิเคชั่น
ใกล้ช่วงปีใหม่แบบนี้ "ช็อคโกแลต" (Chocolate) นั้น จัดเป็นของขวัญยอดนิยม ที่คนมักจะซื้อหาให้กันในช่วงเทศกาลแบบนี้ อีกทั้ง ช็อคโกแลต ยังเป็นอาหารยอดนิยมอย่างยาวนานในหลายประเทศ ซึ่งช็อคโกแลตได้ถูกพัฒนาสูตรการผลิตออกไปอย่างมากมาย และหลากหลาย ทำให้ครองใจทั้งเด็ก และผู้ใหญ่แทบทุกคนที่ได้ลองลิ้มรส จนกลายเป็นคำยอดฮิตติดปากหลายคนว่า "ช็อคโกแลต จะเยียวยาทุกสิ่ง" แต่ถึงอย่างไรก็ตามเมื่อรับประทานกันมากขึ้น คำถามถึงประโยชน์เกี่ยวกับสุขภาพจึงเกิดขึ้นตามมา ในบรรดาช็อคโกแลตหลากหลายที่มีในปัจจุบัน ชนิดที่ได้รับการยอมรับและมีงานว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุดคือ ช็อคโกแลตชนิดดำ (Dark chocolate) ซึ่งมีความแตกต่างจาก ชนิดอื่นๆคือ การผสมนมวัว วานิลลา เพื่อให้สีและกลิ่นน่าดื่ม โดยช็อคโกแลตชนิดดำนี้จะมีโกโก้มากกว่าหรือเท่ากับ 70-80% ของปริมาณทั้งหมดและมักเก็บในรูปเป็นแท่ง เมื่อนำมาดื่มก็จะเอามาละลายและทำให้อุ่น ปกติแล้วจะมีรสชาติขมมาก จึงต้องอาศัยการปรุงรสพอควร ทีมแพทย์โรงพยาบาลในเครือบริษัท พริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ จำกัด สรุปผลดีของช็อคโกแลตที่มีต่อสุขภาพ 7 ข้อดังนี้
1.ผลดีต่อการทำงานของหัวใจและระบบไหลเวียนโลหิต
มีงานวิจัยที่พบว่าสารเคมีที่ชื่อ flavanols ในช็อคโกแลตชนิดดำนั้นช่วยกระตุ้นให้ผนังหลอดเลือดแดง(arteries)มีความยืดหยุ่นมากขึ้นซึ่งมีผลทำให้ความดันโลหิตลดต่ำลงได้เล็กน้อย ทั้งยังช่วยป้องกันไม่ให้เม็ดเลือดขาวยึดเกาะกับผนังหลอดเลือดมากเกินไปซึ่งเป็นการช่วยลดการเกิดภาวะหลอดเลือดอุดตัน
2.ผลดีในการลดความเสี่ยงในการเกิดหลอดเลือดสมองตีบตัน (Stroke)
มีงานวิจัยที่ทำในประเทศฟินแลนด์พบว่าในคนที่รับประทานช็อคโกแลตนั้น มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมองตีบตันลดลงประมาณ 17 เปอร์เซนต์โดยเฉลี่ย นับเป็นเรื่องที่หมอคิดว่าน่าสนใจมากครับแต่ทั้งนี้เราคงต้องรอผลงานวิจัยเพิ่มเติมกันต่อไป
3.เต็มเปี่ยมด้วยใยอาหารและแร่ธาตุที่มีประโยชน์
ในช็อคโกแลตชนิดดำที่มีคุณภาพดี คือมีปริมาณผงโกโก้อยู่ที่ 70-85%นั้น จะประกอบด้วยใยอาหารและแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากมายครับ ยกตัวอย่างเช่น ธาตุเหล็ก แมกนีเซียม ทองแดง โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส สังกะสีและซีรีเนียม นอกจากนี้ในโกโก้ของช็อคโคแลตนั้น ยังมีสารที่มีฤทธิ์กระตุ้นการทำงานของระบบประสาทช่วยให้ตื่นตัวคล้ายกับคาเฟอีนแต่ให้การตื่นตัวน้อยกว่ามาก
4.ช็อคโคแลตชนิดดำสามารถเพิ่มระดับไขมันชนิดดี (HDL) และลดระดับไขมันชนิดไม่ดี (LDL)
ในงานวิจัยพบว่าผงโกโก้นั้นสามารถลดระดับไขมันชนิดไม่ดีคือ LDL ลงได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ทั้งนี้ยังสามารถเพิ่มระดับไขมันชนิดดี คือ HDL ขึ้นได้ด้วย ซึ่งส่งผลให้ไขมันชนิดไม่ดีนั้นสามารถทำอันตรายผนังหลอดเลือดแดงในหัวใจของเราได้น้อยลง นอกจากนั้นยังพบว่าช็อคโกแลตชนิดดำสามารถลดระดับภาวะการดื้อต่ออินซูลินลงได้ด้วย ซึ่งสิ่งนี้เป็นปัจจัยหนึ่งที่เป็นสาเหตุสำคัญต่อการเกิดโรคเบาหวานและโรคหัวใจอีกด้วย
5.มีผลดีต่อผิวหนัง
มีการพบว่าสาร flavonols ในช็อคโกแลตนั้น สามาถป้องกันผิวหนังของเราจากความเสียหายหลังการสัมผัสกับแสงแดดที่รุนแรง เพิ่มความสามารถในการไหลเวียนของเลือดไปเลี้ยงผิวหนัง ทั้งนี้ยังสามารถเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหนังได้อีกด้วย สิ่งเหล่านี้คงมีประโยชน์มากนะครับในเมืองร้อนอย่างบ้านเรา
6.เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมอง
มีงานวิจัยหนึ่งแสดงให้เห็นว่าการรับประทานช็อคโกแลตที่มีสาร flavanol ในผงโกโก้ในขนาดสูงจะช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิตไปเลี้ยงสมอง นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในด้านความจำในผู้สูงอายุที่ปัญหาด้านความจำอีกด้วย โดยเชื่อว่าเป็นเพราะการที่โกโก้นั้นมีสารกระตุ้นระบบประสาทคล้ายกาแฟนั่นเอง
7.อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ
ในเรื่องนี้มีงานวิจัยหลายงานวิจัยที่สมาคมแพทย์โรคหัวใจอเมริกา AHA อ้างถึง โดยเฉพาะสาร flavonoids นั้นนับว่าเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีเยี่ยม โดยพบว่าในช็อคโกแลตชนิดดำนั้นมีปริมาณสูงมากเมื่อเทียบกับผลไม้ต่างๆ รวมถึงคู่แข่งอย่างชาเขียวครับ ซึ่งสารนี้มีผลในการลดความดันโลหิต ทำให้การทำงานของฮอร์โมนอินซูลินดีขึ้นและมีวารสารที่กล่าวถึงการลดการอักเสบในร่างกายได้มากมาย
สุดท้ายนี้ไม่ได้เชิญชวนให้รับประทานช็อคโกแลตกันทุกวัน เพราะทุกอย่างนั้นปฏิบัติตามทางสายกลางดีที่สุดเนื่องจากช็อคโกแลตเองก็ยังจัดเป็นอาหารที่ให้พลังงานในระดับสูงเช่นกัน และที่สำคัญหากได้ลิ้มรสแล้วก็ยากที่จะหยุดเสียด้วย นอกจากนี้อย่าลืมว่าช็อคโกแลตที่ได้รับการแนะนำว่ามีประโยชน์นั้นคือ ช็อคโกแลตชนิดดำ ซึ่งมักมีรสชาติค่อนข้างขม อาจไม่ได้อร่อยเหมือนช็อคโกแลตชนิดอื่นๆทั่วไป ดังนั้น หากท่านมีข้อสงสัยเกี่ยวกับช็อคโกแลต หรือเรื่องสุขภาพอื่นๆ ท่านสามารถขอคำปรึกษาจากทีมแพทย์โรงพยาบาลในเครือบริษัท พริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ จำกัด (โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ (จังหวัดสมุทรปราการ) โรงพยาบาลพริ้นซ์ ปากน้ำโพ (จังหวัดนครสวรรค์) โรงพยาบาลพิษณุเวช (จังหวัดพิษณุโลก) และโรงพยาบาลสหเวช (จังหวัดพิจิตร)) และสามารถติดตามสาระดีๆ เกี่ยวกับการแพทย์ได้ที่ www.princhealth.com