กรุงเทพฯ--19 ธ.ค.--ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีความเห็นต่อการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) หลัง กนง. มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% มาที่ 1.75% นับเป็นการปรับขึ้นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2554 ด้วยการลงมติอย่างไม่เป็นเอกฉันท์ 5 ต่อ 2 ขณะที่ค่าเงินบาทยังคงทรงตัวและซื้อขายแถวระดับ 32.70 ต่อดอลลาร์ หลังผลการลงมติเป็นตามที่ตลาดคาดไว้และนักลงทุนมีความระมัดระวังก่อนผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่จะประกาศในคืนนี้ นับตั้งแต่ต้นปี เงินบาทอ่อนค่าลงเพียง 0.5% เทียบกับดอลลาร์ และคาดว่าเงินบาทจะยังเป็นสกุลที่ปรับตัวได้ดีที่สุดในภูมิภาคจนถึงสิ้นปีนี้
คณะกรรมการ กนง. มองว่า ค่าเงินบาทยังคงมีเสถียรภาพเมื่อเทียบกับสกุลเงินในภูมิภาคแต่มีโอกาสผันผวนในระยะข้างหน้าและประเมินว่า แรงส่งอุปสงค์ในประเทศจะเป็นปัจจัยหนุนการเติบโตของเศรษฐกิจไทยแม้อุปสงค์ต่างประเทศชะลอลง ขณะที่อัตราเงินเฟ้อมีความเสี่ยงด้านต่ำจากความผันผวนของราคาพลังงานและราคาอาหารสด โดยกรรมการส่วนใหญ่มองว่า การปล่อยให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่อยู่ระดับต่ำเป็นเวลานานเกินไปอาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพการเงินในระยะยาว อย่างไรก็ตาม ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ปรับลดคาดการณ์อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจในปี 2561 และ 2562 มาที่ 4.2% และ 4.0% จากเดิม 4.4% และ 4.2% ตามลำดับ เนื่องจากมีการปรับลดคาดการณ์ตัวเลขส่งออก
คณะกรรมการกนง. มีกำหนดการประชุมรอบถัดไปในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2562 โดยการลงมติปรับขึ้นดอกเบี้ย 5-2 ในวันนี้ แสดงถึงมุมมองที่สนับสนุนการขึ้นดอกเบี้ยมากกว่าที่เคยสื่อสารไว้ก่อนหน้านี้ โดยคณะกรรมการกนง. กล่าวว่า สภาพคล่องในระบบยังมีอยู่มากและการปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% จะไม่ส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ ขณะที่นักวิเคราะห์ในตลาดหลายรายดูเหมือนจะตีความว่า การปรับขึ้นครั้งนี้จะเป็นเพียงครั้งเดียวเท่านั้น แต่เรามองว่ามีโอกาสที่ กนง. จะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งไปที่ระดับ 2.00% ในเดือนมีนาคม 2562 ก่อนที่จะตรึงดอกเบี้ยยาวไปจนถึงสิ้นปี นอกจากนี้ ความต้องการที่จะสร้าง Policy space ของผู้ดำเนินนโยบายบอกเป็นนัยว่า การปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกหนึ่งครั้งจาก 1.75% ไม่น่าจะส่งผลเสีย แม้ว่าโอกาสการปรับขึ้นดอกเบี้ยจะยังคงขึ้นอยู่กับตัวเลขเศรษฐกิจที่จะประกาศและสภาวะแวดล้อมทางการเงินก็ตาม