กรุงเทพฯ--24 ธ.ค.--ธามดี พลัส
บมจ. นอร์ทอีส รับเบอร์ (NER) รุกตลาดยางแผ่นผสม (RSS Mixtures Rubber) เร่งส่งมอบเร็วขึ้น หวังรับรู้รายได้ไตรมาส 1 ปี 62 ขณะที่แนวโน้มผลงาน Q4/61 ดีต่อเนื่อง ส่วนปี 62 คาดรายได้โตไม่ต่ำกว่า 10% จากปี 61 พร้อมรุกขยายตลาดยุโรป โดยเจรจาลูกค้ายาง 3 ราย คาดชัดเจน Q2/2562 หวังกระจายรายได้ พร้อมเดินหน้าสร้างโรงงานใหม่เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตตามแผน
นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยางพาราธรรมชาติแปรรูป กล่าวว่า บริษัทได้เปิดไลน์ผลิตสินค้าตัวใหม่ คือ ยางแผ่นผสม (RSS Mixtures Rubber) โดยเตรียมส่งสินค้า Lot แรกให้แก่ลูกค้าจีนกว่า 80 ตัน ณ สิ้นปี61ทำให้สามารถบันทึกรายได้เข้าในช่วงไตรมาส 1/2562 ซึ่งเร็วกว่าแผนเดิมที่กำหนดจะรับรู้รายได้ในไตรมาส 2/2562
โดยยางแผ่นผสม (RSS Mixtures Rubber) คือ ผลิตภัณฑ์ยางพาราแปรรูปขั้นต้นกึ่งธรรมชาติที่ได้จากการผสมระหว่างยางพาราธรรมชาติแผ่นดิบ ยางสังเคราะห์ และ/หรือ สารเคมี ตามคุณสมบัติหรือลักษณะพิเศษที่ลูกค้าต้องการใช้ ซึ่งคุณสมบัติที่โดดเด่นเฉพาะตัวของยางแผ่นผสมนี้ จะให้ค่าคุณสมบัติทางกายภาพที่สูงกว่ายางแท่งผสม กล่าวคือ มีค่าความยืดหยุ่นที่ดีกว่า ค่าความหนืดที่ดีกว่า ค่าความกระเด้งกระดอนที่ดีกว่า ทั้งนี้ขึ้นอยู่สัดส่วน และเทคนิคการผสม และความเหมาะสมกับจุดประสงค์ของกลุ่มลูกค้าด้วย
"ธุรกิจได้เดินหน้าตามแผนที่วางไว้ โดยเฉพาะในส่วนของการปรับปรุงขยายเพิ่มไลน์ผลิตยางแผ่นผสมนั้น มีการทดสอบและเริ่มเดินไลน์ผลิตไปแล้ว และสามารถส่งมอบสินค้าได้เร็วกว่ากำหนดโดยจะส่งมอบเร็วๆ นี้และรับรู้รายได้เร็วขึ้นเป็นไตรมาส 1/2562 ซึ่งจากการตอบรับของลูกค้า บริษัทเล็งเห็นถึงโอกาสการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ผลการดำเนินงาน ณ ไตรมาส 4/2561 นี้ ยังเติบโตได้ดีตามแผนที่วางไว้ ซึ่งเมื่อวิเคราะห์ถึงสัดส่วนรายได้ปัจจุบัน จะเห็นว่า มาจากตลาดต่างประเทศต่อตลาดในประเทศอยู่ที่ 40% ต่อ 60% นั่นคือบริษัทควรเพิ่มสัดส่วนการขายต่างประเทศให้มากขึ้น เพื่อให้เกิดสัดส่วนรายได้ที่สมดุลมากขึ้น และตลาดลูกค้าต่างประเทศที่เปิดโอกาสทางธุรกิจค่อนข้างสูงและกว้างคือประเทศจีน ซึ่งเป็นฐานลูกค้าที่ทางบริษัทมีประสบการณ์การขายที่ดีอยู่แล้วนั้น ถือเป็นความได้เปรียบของบริษัทเป็นอย่างมาก" นายชูวิทย์กล่าว
สำหรับแผนงานปี 2562 บริษัทเตรียมขยายตลาดการส่งออกไปยุโรปเพิ่มเติมด้วย โดยมีการยื่นขอใบรับรอง (Approve) จากบริษัทผลิตล้อยางรถยนต์ประเทศในโซนยุโรป ซึ่งเห็นความชัดเจนค่อนข้างมากแล้ว 1 ราย จากที่กำลังพิจารณาอยู่กว่า 3 ราย ซึ่งน่าจะเห็นคำตอบที่ชัดเจนช่วงไตรมาส 2/2562 เพื่อเป็นการปูพื้นฐานการกระจายรายได้ให้กว้างขึ้น พร้อมกันนี้ยังมีการวางแผนขยายตลาดลูกค้าจากประเทศสิงค์โปร์เพิ่มด้วยข้อมูลความต้องการปริมาณยางที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทั้งหมดนี้บริษัทคาดว่า ปี 2562 บริษัทจะมีรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% โดยปัจจุบันบริษัทมีการทำสัญญาระยะยาว (Long Term Contact) กับลูกค้าไปแล้วกว่า 11 ราย เพิ่มขึ้นจากปี 2561 ที่มีอยู่ 8 ราย ทำให้บริษัทมีลูกค้าที่รอรับรู้รายได้ที่แน่นอนส่วนหนึ่งแล้ว
สำหรับการเดินหน้าในการปรับปรุงเครื่องจักรสำหรับผลิตยางแผ่นผสม (RSS Mixtures Rubber) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของเครื่องจักรในโรงงานให้ได้ผลผลิตที่สูงขึ้น โดยสามารถเพิ่มกำลังการผลิตในส่วนของยางผสมขึ้นอีก 60,000 ตันต่อปี ส่วนแผนการก่อสร้างโรงงานใหม่ สำหรับผลิตภัณฑ์ยางแท่ง (Standard Thai Rubber 20 : STR20) และยางผสม (Mixtures Rubber) ที่กำลังการผลิต 172,800 ตันต่อปี ยังเดินหน้าได้ดีตามแผน คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2562 และเริ่มรับรู้รายได้ส่วนเพิ่มในปี 2563 ทั้งนี้เมื่อรวมกำลังการผลิตจากขยายงานทั้ง 2 โครงการแล้ว จะส่งผลให้บริษัทมีกำลังการผลิตยางพาราแปรรูปขั้นต้นรวมทั้งสิ้นเป็น 465,600 ตันต่อปี