กรุงเทพฯ--24 ธ.ค.--ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น
บอร์ด SUPER ไฟเขียวทุ่มงบลงทุน 3,500 ล้านบาท ส่งบริษัทย่อย "SSE-HK2" ซื้อโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ประเทศเวียดนาม 2 โครงการ ขนาดกำลังการผลิตรวม 100 เมกะวัตต์ ด้าน "จอมทรัพย์ โลจายะ"ประธานคณะกรรมการ มั่นใจช่วยหนุนธุรกิจเติบโตแข็งแกร่ง และหนุน PPA ในมือเพิ่มขึ้นพร้อมตั้งเป้าอีก 1-2ปี มีสัญญาซื้อขายไฟแตะ1200-1300 เมกะวัตต์
นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานคณะกรรมการ บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SUPER เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติให้SUPER SOLAR ENERGY (HONGKONG) 2 Co.,Ltd. หรือSSE-HK2 ในฐานะบริษัทย่อยเข้าลงทุนซื้อหุ้นของ Van Giao Solar Power Plant Joint Stock Company หรือ"โครงการ Van Giao 1" ซึ่งเป็นบริษัทเจ้าของโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ขนาด 50 เมกะวัตต์ ที่ประเทศเวียดนาม ในสัดส่วน 100% และโครงการ Van Giao 2"ซึ่งเป็นบริษัทเจ้าของโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ขนาด 50 เมกะวัตต์ ที่ประเทศเวียดนาม ในสัดส่วน 100% รวมจำนวน 2 โครงการ มีกำลังการผลิตติดตั้งรวม100 เมกะวัตต์ มูลค่าเงินลงทุนรวมอยู่ที่ 3,500 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทฯคาดว่าโรงไฟฟ้าดังกล่าวจะสามารถเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ภายใน 30 มิถุนายน 2562 และได้ประเมินอัตราผลตอบแทนจากเงินลงทุน (EIRR)ไม่น้อยกว่า 13 % ซึ่งการลงทุนในครั้งนี้ จะทำให้บริษัทมีจำนวนสัญญาการซื้อขายไฟฟ้า หรือ PPA ในมือเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีเป้าหมายในอีก 1-2 ปีข้างหน้าจะมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าในมือประมาณ 1200-1300 เมกะวัตต์
สำหรับประโยชน์จากการเข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าทั้ง 2 แห่ง เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายของบริษัทฯในการขยายฐานธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนไปต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยให้บริษัทฯ มีแหล่งรายได้ในระยะยาว และเป็นการขยายการลงทุนของบริษัทไปยังต่างประเทศ ซึ่งจะได้รับสิทธิประโยชน์ด้านการลงทุนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียนจากรัฐบาลเวียดนามเช่น สิทธิประโยชน์ด้านภาษีและสิทธิประโยชน์ในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน
" การเข้าลงทุนในประเทศเวียดนาม ที่ผ่านมา SSE-HK1 ได้เข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 3 โครงการ กำลังการผลิตตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าอยู่ที่ 136 เมกะวัตต์ ขณะที่ 2โครงการใหม่ ถือเป็นการลงทุนเพิ่มเติมจากก่อนหน้า นอกจากนี้โรงไฟฟ้าพลังงานลมที่อยู่ระหว่างการพัฒนา และจะทยอย COD โดยจะเริ่มตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3/2562 เป็นต้นไป ปัจจุบันความต้องการใช้ไฟฟ้าในเวียดนามเพิ่มสูงขึ้นเฉลี่ยถึง10% ต่อปี และการที่รัฐบาลเวียดนามเร่งให้ความสำคัญกับการพัฒนาพลังงานหมุนเวียน โดยเฉพาะพลังงานจากแสงอาทิตย์ ลม และชีวมวล จะสนับสนุนให้ความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศเติบโตได้ดี " นายจอมทรัพย์กล่าว
อย่างไรก็ตาม การเข้าลงทุนดังกล่าว จะช่วยสนับสนุนให้บริษัทฯ มีแหล่งรายได้เพิ่มขึ้น นอกเหนือจากที่มีรายได้ในประเทศเป็นหลัก และเป็นการกระจายความเสี่ยงและสร้างสมดุลให้กับรายได้ รวมทั้งจะทำให้บริษัทบรรลุเป้าหมายของการก้าวสู่ความเป็นผู้นำพลังงานทดแทนในภูมิภาคเอเชียภาย ใน 3 ปีข้างหน้า โดยในช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทจะมีการทยอย COD โครงการโรงไฟฟ้าสหกรณ์การเกษตร เฟส 2 ขนาดกำลังการผลิต 28 เมกะวัตต์ ตามเป้าหมาย ซึ่งจะสนับสนุนการเติบโต และในปี2561 บริษัทฯคาดว่าจะมีรายได้ไม่น้อยกว่า 6,000 ล้านบาท ที่วางไว้อย่างแน่นอน