กรุงเทพฯ--16 ม.ค.--สหมงคลฟิล์ม
ตลอดระยะเวลา 4 ปีเต็มกับภาพยนตร์เพียงเรื่องเดียว คือการทุ่มเทชีวิตและจิตวิญญาณของ “จีจ้า ญาณิน” สาวหน้าหวานที่บู๊แบบจาพนม ที่ปรัชญา-พันนา-เสี่ยเจียง สามทหารเสือผู้ปั้นจา พนม องค์บาก และต้มยำกุ้ง ตั้งความหวังว่าจะเป็นอีกครั้งที่โลกภาพยนตร์จะต้อนรับหนังแอ็คชั่นไทยและความสามารถของคนไทยที่ครั้งนี้เป็นผู้หญิง!!!!! แต่ใช่ว่าวิถีของความเป็นนักแสดงที่ต้องใช้ความสามารถทางด้านศิลปะการต่อสู้จะเป็นเรื่องง่ายที่ใครๆก็ทำได้ เพราะต้องใช้เวลาถึง 2 ปีเต็มกับการฝึกเข้มทางด้านศิลปะการต่อสู้ทั้งมวยไทย ,ยิมนาสติค ,เวิร์คช็อพคิวบู๊ แอ็คชั่น ฯลฯ ให้ร่างกายมีความพร้อมจนกว่าจะผ่านเกณฑ์การฝึกตามมาตรฐานของพันนา ฤทธิไกร ปรมาจารย์คิวบู๊ผู้ปั้นจา พนม และเดี่ยว ชูพงษ์ สาวหน้าหวานอย่างจีจ้าถึงได้มีโอกาสเตรียมตัวถ่ายทำแอ็คชั่นซีนแรกของภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์อย่างช็อคโกแลตนั่นคือการคาราวะบรู๊ซ ลีสุดยอดฮีโร่ในตำนานด้วยการสวมคาแรคเตอร์บรู๊ซ ลีโชว์การเตะแบบไม่ยั้งสู้ผู้ร้ายเกือบ 10 คนโดยมีอุปสรรคคือก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่วางระเกะระกะไปทั่วแถมต้องบู๊บนพื้นไม้ที่ทั้งลื่นและเปียกจากก้อนน้ำแข็งที่ละลายอยู่ตลอดเวลา โดยต้องออกลีลา ท่าทางและส่งเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของบรู๊ซ ลีไปพร้อมกับการเล่นแอ็คชั่น
"เป็นฉากแอ็คชั่นคิวแรกหลังจากเก็บตัวซ้อมมาถึง 2 ปีเต็ม เป็นซีนที่ตัวจ้าซึ่งรับบทเป็นเซนต้องเผชิญหน้าและสู้กับผู้ชายตัวใหญ่ๆประมาณ 8-10 คน ทั้งๆที่ยังไม่ได้มีสัญชาติญาณทางด้านการต่อสู้เลย โดยตัวเซนจะไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ แต่เข้าใจว่าตัวเองคือบรู๊ซลี ทำให้ฉากนี้จ้าจะต้อง
ต่อสู้ในสไตล์ของบรู๊ซ ลี นั่นคือจะต้องมีการเตะเร็ว เร็วและหนัก (เน้นเสียง) ทั้งเร็วและต้องหนักหน่วงด้วย เน้นโชว์การเตะด้วยท่าที่สวยงาม แต่ว่ามั่นคง แต่ด้วยความที่พื้นลื่นมากและเปียกตลอดเวลาจากน้ำแข็งที่ละลาย มันก็จะอุปสรรคที่จะต้องทรงตัวให้ได้ ถามว่ามีเจ็บตัวมั้ย มีบ้างค่ะสำหรับเล่นแอ็คชั่นมากบ้างน้อยบ้าง สำหรับฉากนี้ไม่หนักมาก แค่ข้อเท้าบวมเฉยๆเพราะฉากนี้ เวลาเตะก็จะเน้นให้เห็นว่าเตะอัดกันจริงๆ เตะหนักๆ เตะอัดกับพี่สตั๊นท์ต้องโดนจริง โดนหัวจริง โดนท้องจริง โดนหน้าแข้งกันจริงๆ ประสานกันจริงๆ”
อุปสรรคจริงๆของการทำงานในฉากนี้สาวนักบู๊อย่างน้องจีจ้าก็ยืนยันว่าไม่ได้อยู่ที่คนเล่นไม่ว่าจะเป็นตัวจีจ้าเองหรือสตั้นท์แมนถึงแม้ว่าจะต้องเล่นแอ็คชั่นกันหนักหน่วงพอสมควร แต่กลับไปอยู่ที่บรรยากาศและสภาพแวดล้อมในการถ่ายทำซึ่งล้วนอบอวลไปด้วยกลิ่นแอมโมเนียซึ่ง เพราะเป็นปัจจัยสำคัญในการผลิตน้ำแข็งทำให้ผู้กำกับตลอดจนทีมงานที่ต้องเดินเข้าออกต้องสวมผ้าปิดปากปิดจมูกกันทุกคน แต่สำหรับนักแสดงหลักอย่างจีจ้าที่ต้องถ่ายทำอยู่ในฉากตลอดเวลาเมื่อสูดลมหายใจเอากลิ่นแอมโมเนียตลอดถึงกับเกิดอาการเส้นเลือดฝอยในลำคอแตกเลยทีเดียว
“ คือกลิ่นแอมโมเนียมันจะแรงมาก การถ่ายทำในฉากนี้ทุกคนที่เดินเข้าออกในระหว่างการถ่ายทำเขาก็จะมีผ้าคอยปิดปากปิดจมูกในระหว่างที่ทำงานตลอดวัน ทั้งทีมไฟ ทีมกล้อง ผู้ช่วยผู้กำกับ ฝ่ายฉาก ตลอดจนสวัสดิการ แต่ฉากนี้เราเป็นตัวหลักที่ต้องถ่ายทุกซีน โดยที่ใช้เวลาถ่ายทำกันทั้งหมดประมาณ 2 อาทิตย์ พอสูดกลิ่นแอมโมเนียเข้าไปเรื่อยๆๆ ทำให้เส้นเลือดฝอยในลำคอแตก เลยไอออกมาเป็นเลือด และด้วยความที่โลเกชั่นเป็นโรงทำน้ำแข็งก็เลยต้องเปียกตลอดทั้งวันเลย ทำให้เจ็บคอและป่วยเรื้อรังอยู่เป็นเดือนเลยค่ะ”
ยังมีรายละเอียดที่น่าสนใจอีกมากมายที่เกิดกับ“จีจ้า ญาณิน” และ“ช็อคโกแลต” ภาพยนตร์แอ็คชั่นที่โลกรอคอยที่ทีมงานข่าวบันเทิงจะติดตามมาให้แฟนๆได้รู้ก่อนที่จะได้เห็นกันเต็มๆตาในโรงภาพยนตร์ที่สหมงคลฟิล์มวางโปรแกรมฉาย 7 ก.พ.ต้อนรับตรุษจีน