กรุงเทพฯ--24 ธ.ค.--กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
นายลักษณ์ วจนานวัช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายพัฒนาไก่ไข่และผลิตภัณฑ์ (Egg Board) ครั้งที่ 2/2561 ณ ห้องประชุม 134 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่า เนื่องจากที่ผ่านมาราคาไข่ไก่อ่อนตัวลง เกิดจากปริมาณไข่มากกว่าความต้องการ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมปศุสัตว์ จึงได้ดำเนินโครงการรักษาเสถียรภาพราคาไข่ไก่ปี 2561 มุ่งเน้นแก้ไขปัญหาด้วยการปรับสมดุล demand และ supply โดยขอความร่วมมือให้บริษัทผู้นำเข้าปู่ย่าพันธุ์ และพ่อแม่พันธุ์ไก่ไข่ทั้ง 16 ราย ขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการ PS Support หรือมาตรการส่งออกไข่ไก่ไปต่างประเทศ เพื่อลดปริมาณไข่ไก่ในระบบ ช่วยพยุงราคาไข่ไก่ในประเทศให้สูงขึ้น ซึ่งแบ่งเป็น 2 ระยะ คือ ม.ค. - ต.ค. 2561 และ พ.ย. - ธ.ค. 2561 โดยลดจำนวนแม่ไก่ไข่ยืนกรงได้ประมาณ 1.8 ล้านตัว (จาก 50 กว่าล้านตัว) และลดจำนวนแม่พันธุ์ไก่ไข่ 1.9 แสนตัว รวมทั้งเก็บรวบรวมและส่งออกไข่ไก่ จำนวน 149 ล้านฟอง จากการดำเนินการทำให้ราคาไข่ไก่ปรับตัวดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาอยู่ในช่วงเทศกาลกินเจ และปิดเทอม ความต้องการบริโภคไข่ก็มีลดลงไปบ้าง
ทั้งนี้ คณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) มีมติเห็นชอบกรอบการใช้เงินกองทุนรวมฯ เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. 2561 วงเงิน 17.613 ล้านบาท ที่กรมการค้าภายในได้เสนอขอเพื่อดำเนินโครงการเก็บสต็อกไข่ไก่เข้าห้องเย็น วงเงิน 2.163 ล้านบาท และโครงการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการการส่งออกเพื่อผลักดันการส่งออกไข่ไก่ไปต่างประเทศ วงเงิน 15 ล้านบาท ซึ่งทั้ง 2 โครงการอยู่ระหว่างเสนอคณะกรรมการบริหารกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร (คบท.) พิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนเสนอกระทรวงการคลังเพื่อพิจารณาอนุมัติตามระเบียบต่อไป คาดว่าจะสามารถดำเนินการเร่งส่งออกได้ทันก่อนปีใหม่นี้
สำหรับแผนการลดจำนวนนำเข้าพ่อแม่พันธุ์ และปู่ย่าพันธุ์ไก่ไข่ ปี 2562 ที่ประชุมยังไม่มีมติในการลดจำนวน เนื่องจากนอกจากฟาร์มเลี้ยงไก่ไข่ที่อยู่ในระบบแล้ว ยังมีฟาร์มหลังบ้าน หรือเกษตรกรที่เลี้ยงไก่ไว้เพื่อบริโภคภายในครอบครัวและจำหน่ายในชุมชนเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก เกิดจากการที่รัฐเข้าไปสนับสนุน จึงให้กรมปศุสัตว์ไปสำรวจตัวเลขให้ชัดเจนและรีบดำเนินการแจ้งให้ที่ประชุมทราบต่อไปภายในวันที่ 15 ม.ค. 2562