กรุงเทพฯ--25 ธ.ค.--มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์
บล.โกลเบล็ก มองหุ้นไทยเจอแรงกดดันจากปัจจัยลบต่างประเทศโดยเฉพาะปัญหาภายในของสหรัฐ ล่าสุดเข้าสู่ภาวะชัตดาวน์อีกครั้งหลังวุฒิสภาไม่ผ่านร่างกฎหมายงบประมาณสร้างกำแพงชายแดนเม็กซิโก แม้จะมีเม็ดเงินซื้อ LTF -RMF ช่วยพยุงดัชนี และการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศประคองไว้ได้ ให้กรอบดัชนี 1,550–1,590 จุด แนะกลยุทธ์ลงทุนหุ้นได้อานิสงส์มาตรการช็อปช่วยชาติ และช็อปช่วงตรุษจีน ส่วนราคาทองคำมีแนวโน้มขาขึ้น แนะเล่น swing long ให้กรอบราคาทองคำ 1,250 - 1,300 ดอลลาร์/ออนซ์
น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยสัปดาห์สุดท้ายก่อนสิ้นปี ได้รับปัจจัยบวกจากในประเทศจากเม็ดเงินซื้อ LTF และ RMF ช่วยพยุงดัชนี และการกระตุ้นเศรษฐกิจจากการลงทุนภาครัฐในโครงการลงทุนขนาดใหญ่ อาทิ โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้า โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานพื้นที่ EEC รวมทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาท่องเที่ยวประเทศไทยในเดือนพ.ย.61 พลิกกลับมาเติบโต 4.54% จากหดตัว 0.51% ในเดือนต.ค. ส่งผลให้รายได้จากการท่องเที่ยวเติบโต 5.18%
ส่วนปัจจัยด้านลบที่กดดันการลงทุนในช่วงนี้ยังคงหนีไม่พ้นปัญหาของสหรัฐ ล่าสุดรัฐบาลสหรัฐฯเข้าสู่ภาวะชัตดาวน์อีกครั้งหลังวุฒิสภาไม่ผ่านร่างกฎหมายงบประมาณสร้างกำแพงชายแดนเม็กซิโก รวมทั้งตัวเลข GDP ของสหรัฐในช่วงไตรมาส 3/2561 ขยายตัวเพียง 3.4% ชะลอตัวจาก 4.2% ในช่วงไตรมาส 2/2561 และนักวิเคราะห์คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัว 2.9% ในช่วงไตรมาส 4/2561 และจะชะลอตัวลงมากขึ้นในปีหน้าจากผลกระทบของสงครามการค้า และปริมาณการซื้อขายเบาบางเนื่องจากเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวในเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่
สำหรับปัจจัยที่น่าจับตาในสัปดาห์นี้ ได้แก่ วันที่ 26 ธ.ค. สหรัฐฯ รายงานตัวเลขดัชนีราคาบ้านเดือน ต.ค. และดัชนีการผลิตเดือน ธ.ค. ในวันที่ 27 ธ.ค. จีน เปิดเผยตัวเลขกำไรภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย. และสหรัฐฯ เปิดเผย จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนีราคาบ้านเดือนต.ค. และยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ย. ขณะที่วุฒิสภาสหรัฐเตรียมจัดการประชุมอีกครั้งเรื่องงบประมาณสร้างกำแพงกั้นชายแดนสหรัฐกับเม็กซิโก รวมทั้งในวันที่ 28 ธ.ค. สหรัฐฯ เปิดเผยสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนพ.ย. ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายเดือนพ.ย. และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ และธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย
ด้านนายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็ก จำกัด กล่าวว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มชะลอตัว คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,550–1,590 จุด โดยแนะนำเก็งกำไรในหุ้นได้ประโยชน์จากมาตรการช็อปช่วยชาติ ได้แก่ IRC, NDR, SE-ED, COL รวมถึงหุ้นที่ได้อานิสงส์จากการช็อปช่วงตรุษจีน ได้แก่ CPALL, MAKRO, BJC และหุ้นเข้าคำนวณ SET50 ได้แก่ GULF, WHA และ SET100 ได้แก่ AEONTS, ANAN, GOLD, GULF, MBK, PLANB ซึ่งจะมีผลในช่วงครึ่งแรกของปี 2562
ด้านแนวทางการลงทุนในทองคำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า นักลงทุนชะลอการซื้อขายในช่วงหยุดยาวตั้งแต่คริสต์มาสจนถึงสิ้นปี รวมถึงการลดสัดส่วนสินทรัพย์เสี่ยงที่ถือครองลง แล้วย้ายเงินเข้ามาเก็บสะสมสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น เนื่องจากมีความกังวลหลายประการ ทั้งโอกาสที่สหรัฐฯจะตกอยู่ในภาวะ shutdown จากการที่พรรครีพับลิกันกับพรรคเดโมแครตไม่สามารถตกลงกันได้ สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนที่มีแนวโน้มจะปะทุขึ้นอีกครั้งหลังปีใหม่ และข้อตกลง Brexit ที่ยังคลุมเครือและมีความไม่แน่นอน
ส่งผลให้ราคาทองคำยังคงปรับตัวขึ้นต่อตามแนวโน้มขาขึ้นในฐานะสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูงและปลอดภัยจากความเสี่ยงทางเศรษฐกิจรอบโลก ส่วนเงินบาทมีแนวโน้มจะค่อย ๆ แข็งค่าอย่างต่อเนื่องทีละน้อย จึงยังไม่ส่งผลกระทบต่อราคาทองคำในประเทศมากนักจนกว่าจะเกิดการเทขายให้ราคาเข้าสู่ภาวะพักตัว แนะนำให้เล่น swing long โดยทยอยปิดทำกำไรเป็นระยะๆ คาดการณ์ราคาทองคำเคลื่อนไหวในกรอบ 1,250 - 1,300 ดอลลาร์/ออนซ์