กรุงเทพฯ--26 ธ.ค.--บลจ.ทาลิส
บลจ.ทาลิส แนะผู้ลงทุน จับจังหวะสะสมการลงทุนระยะยาว ผ่านกองทุน LTF หลังตลาดหุ้นไทยปรับฐานลงมาทำสถิติต่ำในรอบ 5 ปี ด้วย P/E ที่ระดับ 14 เท่า พร้อมย้ำมุมมองในระยะสั้น SET Index มีโอกาสฟื้นตัวได้ในปีหน้า ขานรับแผนกระตุ้นเศรษฐกิจหลังเลือกตั้ง ส่วนภาพระยะยาวยังสดใส เชื่อเศรษฐกิจโลกไม่ชะลอตัวแรงอย่างที่ตลาดกังวล
นายประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทาลิส จำกัด เปิดเผยถึงมุมมองที่เป็นบวกต่อตลาดหุ้นไทยในระยะกลางถึงยาว โดยมองว่าปัจจัยลบที่กดดันภาพรวมการลงทุนในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นความกังวลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกในปีหน้า หรือปัญหาสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ จนทำให้ SET Index ย่อตัวลงมาอยู่ในระดับ 1,600 จุดบวกลบ เป็นโอกาสสำหรับการสะสมหุ้นเพื่อการลงทุนระยาว ซึ่งรวมถึงการลงทุนผ่านกองทุนรวมหุ้นระยะยาว หรือ LTF ที่ได้สิทธิลดหย่อนภาษีด้วย
โดย บลจ.ทาลิส มองว่า SET Index ที่ย่อตัวลงมาอยู่ที่ 1,550 จุดบวกลบในปัจจุบัน ถือเป็นระดับที่ต่ำมากแล้ว และหากมองแนวโน้มกำไรบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย น่าจะซื้อขายกันด้วย P/E ที่ระดับ 14 เท่า ซึ่งเป็นระดับกรอบที่ต่ำมากในรอบ 5 ปี ดังนั้น จึงมองว่า ผู้ลงทุนควรจะใช้จังหวะนี้ เป็นโอกาสที่ดีในการเข้าลงทุน
ทั้งนี้ หากมองกรอบการลงทุนของ LTF ที่ปัจจุบันเปลี่ยนเงื่อนไขการถือครองสูงขึ้นเป็น 7 ปีปฏิทินด้วยแล้ว ก็เท่ากับว่า ณ ระดับดัชนีปัจจุบัน เป็นกลยุทธ์ที่ดีในการสะสมหุ้น เนื่องจากเชื่อว่าแนวโน้มผลประกอบการของตลาดหุ้นจะยังเติบโตได้ดีต่อเนื่องในระยะยาว
ปัจจุบัน บลจ.ทาลิส มีกองทุน LTF แนะนำ 2 กองทุน ซึ่งประกอบด้วย กองทุนเปิดทาลิส หุ้นระยะยาว (TLLTFEQ) ที่เน้นลงทุนในหุ้นพื้นฐานดี มีแนวโน้มเติบโตสูงของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และ/หรือ MAI ตราสารทุน หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) ที่อ้างอิงกับผลตอบแทนของหุ้นหรือกลุ่มหุ้นของบริษัทจดทะเบียน โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน และกองทุนเปิดทาลิส DIVIDEND STOCK หุ้นระยะยาวปันผล (TLDIVLTF-D) ที่เน้นลงทุนในหุ้นมีแนวโน้มปันผลสูงด้วยอัตราเงินปันผลเฉลี่ยอยู่ที่ 5% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าเงินปันผลเฉลี่ยของตลาดที่ 3% โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน จุดเด่นของกองทุนนี้ คือหากลงทุนยาว 7 ปี ตามเงื่อนไข กองทุนจะมีโอกาสได้รับผลตอบแทนในรูปเงินปันผลถึง 30-40% ในช่วงเวลาดังกล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ.ทาลิส กล่าวเพิ่มเติมถึงแนวโน้ม SET Index ในระยะสั้นด้วยว่า ดัชนีจะมีโอกาสฟื้นตัวได้ตั้งแต่ไตรมาส 2 ของปีหน้าเป็นต้นไป เนื่องจากเชื่อว่าปัญหาสงครามการค้า ที่เคยกดดันตลาดมาตลอด 1 ปีที่ผ่านมา จะคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีมากขึ้น บวกกับเชื่อว่าทุกประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศเกิดใหม่รวมถึงประเทศจีน จะยังเดินหน้าการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่องหากมีสัญญาณการชะลอตัว อย่างที่นักลงทุนกังวล
นอกจากนี้ บลจ.ทาลิส ประเมินว่า หลังการเลือกตั้งและมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ในปีหน้า จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยบวกต่อเศรษฐกิจในประเทศ เพราะเชื่อว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ จะเข้ามาช่วยฟื้นกำลังซื้อในระดับล่างได้ดีขึ้น และจะสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทย ยังคงขยายตัวได้ราว 3.5-4% โดย บลจ.ทาลิส คาดว่า กำลังซื้อที่เพิ่มขึ้น น่าจะเริ่มเห็นในช่วงไตรมาส 3 ของปีหน้า และต่อเนื่องไปในปี 2563
"แม้หุ้นทั่วโลกจะลงมามาก แต่จะเห็นว่าเศรษฐกิจไม่ได้แย่ตามไปด้วย ซึ่งปัจจุบัน แนวโน้มผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนก็ยังโตได้ดี เพียงแต่ความเชื่อมั่นที่ต่ำ เป็นปัจจัยฉุดให้ดัชนีปรับตัวลง อย่างไรก็ตาม หากเศรษฐกิจชะลอตัวจริง ก็เชื่อว่าทุกประเทศจะมีมาตรการกระตุ้นให้เศรษฐกิจกลับมาขยายตัวได้อีกครั้งอย่างที่เคยทำ ส่วนปัจจัยภายในเอง ก็เชื่อว่าหลังการเลือกตั้งแล้ว นโยบายใหม่ๆ จะเข้ามาช่วยฟื้นกำลังซื้อระดับล่างได้ดีขึ้น" นายประภาสกล่าว
ทั้งนี้ ด้วยปัจจัยบวกข้างต้น บลจ.ทาลิส จึงมองว่า การจับจังหวะลงทุน ณ ระดับดัชนีในปัจจุบัน เป็นระดับที่น่าสนใจมาก สำหรับการลงทุนระยะยาว การลงทุนในกองทุนรวมตราสารแห่งทุนอาจมีความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาหลักทรัพย์ ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยง ข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนในกองทุนรวมดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทาลิส จำกัด โทร. 02 015 0222 หรือ www.talisam.co.th