กรุงเทพฯ--26 ธ.ค.--ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
วิจัยกรุงศรี คาดแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2562 ยังคงเติบโตต่อเนื่องที่ 4.1% ซึ่งเป็นอัตราใกล้เคียงกับ 4.3% ในปี 2561 และเป็นระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยในช่วงหลังวิกฤตการเงินโลกที่ 3.8% โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนจากแรงส่งการเติบโตของการบริโภคภาคเอกชนและการเร่งตัวของการลงทุนภาคเอกชนซึ่งจะช่วยชดเชยการชะลอตัวของอุปสงค์จากต่างประเทศ รวมทั้ง ความชัดเจนของนโยบายเศรษฐกิจภายหลังการเลือกตั้งคาดว่าจะสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ
ดร.สมประวิณ มันประเสริฐ ผู้บริหารสายงานวิจัยและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "การใช้จ่ายภายในประเทศจะมีความสำคัญมากขึ้นในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปีหน้า โดยการลงทุนภาคเอกชนมีแนวโน้มเข้าสู่วัฏจักรขาขึ้นหลังจากอัตราใช้กำลังการผลิตของหลายกลุ่มอุตสาหกรรมแตะระดับสูงสุดในรอบหลายปี รวมทั้งมาตรการเร่งรัดโครงการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (PPP fast track) และการเดินหน้าลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ซึ่งมีมูลค่าการลงทุนราว 2.81 แสนล้านบาทในปี 2562 เพิ่มขึ้นจาก 0.98 แสนล้านบาทในปี 2561 ผนวกกับปัจจัยบวกจากการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศ (FDI) ส่วนหนึ่งได้อานิสงส์จากการย้ายฐานการลงทุนเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบเชิงลบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน"
การบริโภคภาคเอกชนคาดว่าจะมีแรงส่งต่อเนื่องตามการกระเตื้องของรายได้ภาคเกษตร รวมทั้งการเพิ่มขึ้นของค่าจ้างและการจ้างงานนอกภาคเกษตร นอกจากนี้ การเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของภาครัฐ และการเพิ่มงบประมาณในส่วนของผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รวมถึงการให้ความช่วยเหลือเจาะจงเฉพาะกลุ่มเป็นสำคัญ เช่น กลุ่มเกษตรกร กลุ่มผู้สูงอายุ และกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) จะช่วยหนุนให้การบริโภคและการลงทุนภายในประเทศเพิ่มขึ้น
สำหรับภาคส่งออกที่เคยเติบโตสูงติดต่อกันในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มีแนวโน้มเติบโตในอัตราชะลอลงที่ 4.5% ในปี 2562 ตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ผ่านพ้นจุดสูงสุดมาแล้ว และผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน อย่างไรก็ตาม ภาคส่งออกของไทยอาจได้รับผลเชิงบวกจากการค้ากับหลายประเทศในเอเชียซึ่งเศรษฐกิจกำลังเติบโตในอัตราสูง
ด้านการท่องเที่ยวคาดว่าจะฟื้นตัวดีขึ้นจากช่วงปลายปีนี้ ภายหลังทางการออกมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมการทำวีซ่า หรือ Visa on Arrival (VOA) ให้กับนักท่องเที่ยว 21 ประเทศ รวมทั้ง จีน และอินเดีย กอปรกับการขยายตัวของชนชั้นกลางโดยเฉพาะในเอเชียและการพัฒนาศักยภาพของสนามบินเพื่อให้รองรับจำนวนนักท่องเที่ยวได้มากขึ้น
"จากภาพรวมเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 1.5% ในปี 2562 จาก 1.1% ในปี 2561 ทั้งนี้ วิจัยกรุงศรีประเมินว่า คณะกรรมการนโยบายการเงินอาจมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายให้กลับเข้าสู่ระดับปกติมากขึ้น โดยคาดว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งสู่ระดับ 2.00% เดือนมีนาคม 2562 หลังจากล่าสุดที่ปรับขึ้นเป็น 1.75% ในเดือนธันวาคม 2561 เพื่อเป็นการป้องกันการสะสมความเสี่ยงที่มีต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการเงินในระยะยาว" ดร.สมประวิณกล่าว
เกี่ยวกับกรุงศรี
กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ) เป็นกลุ่มธุรกิจการเงินที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 5 ของไทยด้านสินทรัพย์ สินเชื่อ และเงินฝาก และเป็นหนึ่งในห้าสถาบันการเงินที่มีความสำคัญเชิงระบบ (D-SIB) โดยดำเนินธุรกิจมานานกว่า 73 ปี กรุงศรีเป็นบริษัทในเครือของมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (MUFG) กลุ่มสถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และเป็นหนึ่งในกลุ่มสถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดระดับโลก กลุ่มกรุงศรีให้บริการทางการเงินการธนาคารอย่างครบวงจร ทั้งในด้านสินเชื่อเพื่อผู้บริโภค การลงทุน การบริหารจัดการกองทุน รวมทั้งผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินอันหลากหลายแก่กลุ่มลูกค้าบุคคล ลูกค้า SME และลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ ผ่านสาขาของธนาคารกว่า 699 สาขา (เป็นสาขาที่ให้บริการทางการเงินในรูปแบบปกติ 662 สาขาและสาขาที่ให้บริการเฉพาะสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ 37 สาขา) และช่องทางการขายกว่า 34,000 แห่งทั่วประเทศ นอกจากนี้ กรุงศรียังเป็นผู้ออกบัตรเครดิตรายใหญ่ที่สุดของประเทศ โดยมีจำนวนบัญชีบัตรเครดิตและสินเชื่อเพื่อการผ่อนชำระ/สินเชื่อส่วนบุคคลมากกว่า 8.9 ล้านบัญชี และเป็นผู้ให้บริการด้านสินเชื่อรถยนต์ชั้นนำ (กรุงศรี ออโต้) พร้อมทั้งมีบริษัทบริหารจัดการกองทุนที่มีอัตราเติบโตสูงที่สุดแห่งหนึ่ง (บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกรุงศรี จำกัด) ทั้งยังเป็นผู้บุกเบิกธุรกิจสินเชื่อเพื่อผู้มีรายได้น้อย (บริษัท เงินติดล้อ จำกัด) อีกด้วย
กรุงศรี มีพันธสัญญาในการดำเนินธุรกิจด้วยความซื่อสัตย์สุจริตอย่างสูงสุด ธนาคารและบริษัทในเครือได้ผ่านการรับรองการเป็นสมาชิกอย่างสมบูรณ์ของ "แนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านทุจริต" โดยมุ่งร่วมมือกับองค์กรชั้นนำในไทยและผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียของธนาคาร เพื่อให้การดำเนินธุรกิจปราศจากการทุจริตคอร์รัปชั่น
เกี่ยวกับ MUFG (มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป)
มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (MUFG) เป็นหนึ่งในกลุ่มสถาบันทางการเงินชั้นนำระดับโลก มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่
ณ กรุงโตเกียว ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานในการดำเนินธุรกิจกว่า 350 ปี MUFG มีเครือข่ายสำนักงานกว่า 2,300 แห่ง
ในกว่า 50 ประเทศทั่วโลก และมีพนักงานกว่า 150,000 คน ซึ่งนำเสนอบริการที่หลากหลายครอบคลุมทั้งธนาคารพาณิชย์ ทรัสต์ แบงก์กิ้ง ธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกิจบัตรเครดิต ธุรกิจสินเชื่อเพื่อรายย่อย ธุรกิจหลักทรัพย์จัดการกองทุน ธุรกิจเช่าซื้อ ซึ่งรวมทั้ง MUFG Bank, Ltd. มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ทรัสต์ แอนด์ แบงก์กิ้ง คอร์เปอเรชั่น (ทรัสต์แบงก์ชั้นนำของญี่ปุ่น) และมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ
ซิเคียวริตี้ โฮลดิ้ง หนึ่งในบริษัทหลักทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น MUFG มีเป้าหมายที่จะเป็น "กลุ่มสถาบันทางการเงินที่ได้รับความเชื่อถือมากที่สุดในโลก" ตอบสนองทุกความต้องการทางการเงินของลูกค้า เป็นส่วนหนึ่งของสังคม และสร้างความเติบโตอย่างยั่งยืน MUFG จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว ตลาดหลักทรัพย์นาโกยา และตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก