กรุงเทพฯ--15 พ.ย.--ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย)
ฟิทช์คาดว่าจะให้อันดับเครดิตในประเทศ ‘AA(tha)’ แก่หุ้นกู้ของบริษัท โฮลซิม แคปปิตอล (ประเทศไทย) จำกัด ที่ค้ำประกันโดยบริษัท โฮลซิม ลิมิเตด
บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด คาดว่าจะให้อันดับเครดิตภายในประเทศ (National Rating) ระยะยาวที่ระดับ ‘AA (tha)’ แนวโน้มมีเสถียรภาพ แก่หุ้นกู้ทั้ง 3 ชุด จำนวนไม่เกิน 8 พันล้านบาท ของบริษัท โฮลซิม แคปปิตอล (ประเทศไทย) จำกัด หรือผู้ออกหุ้นกู้ โดยหุ้นกู้ชุดที่ 1 ครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2551 ชุดที่ 2 ครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2553 และชุดที่ 3 ครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2555 อันดับเครดิตภายในประเทศของหุ้นกู้ดังกล่าว สะท้อนถึงการค้ำประกันที่จะได้รับในลักษณะไม่มีเงื่อนไขและไม่สามารถเพิกถอนได้จากบริษัท โฮลซิม ลิมิเตด จำกัด (Holcim) ซึ่งจำนวนวงเงินค้ำประกันที่กำหนดไว้ที่ไม่เกิน 110% ของเงินต้นของหุ้นกู้มีประกันคาดว่าจะเพียงพอต่อการชำระหนี้ภายใต้หุ้นกู้เต็มจำนวน จากการที่ Holcim ได้รับการจัดอันดับเครดิตสากลระยะยาวที่ระดับ ‘BBB+’ แนวโน้มมีเสถียรภาพและอันดับเครดิตสากลระยะสั้นที่ระดับ ‘F2’ ทำให้อันดับเครดิตสากลระยะยาวของ Holcim มีอันดับต่ำกว่าอันดับเครดิตสากลระยะยาวประเภทสกุลเงินบาท (International Long-term Local Currency Rating) ของประเทศไทยที่ระดับ ‘A’ แนวโน้มมีเสถียรภาพ อยู่ 2 อันดับ จึงส่งผลให้อันดับเครดิตในประเทศของหุ้นกู้มีประกันดังกล่าว มีอันดับต่ำกว่าอันดับเครดิตภายในประเทศของประเทศไทยที่ระดับ ‘AAA (tha)’ อยู่ 2 อันดับเช่นกัน ทั้งนี้ ความแตกต่างระหว่างอันดับเครดิตของ Holcim และของประเทศไทยที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตอาจส่งผลกระทบต่ออันดับเครดิตภายในประเทศของหุ้นกู้มีประกันดังกล่าวได้
อันดับเครดิตของ Holcim สะท้อนถึงสถานะผู้นำทางการตลาดในระดับสากลและผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย โดย Holcim เป็นหนึ่งในผู้ผลิตซีเมนต์รายใหญ่ของโลกและเป็นผู้นำในส่วนของผลิตภัณฑ์คอนกรีต ด้วยยอดขายกว่า 13 พันล้านฟรังก์สวิสและกำลังการผลิตซีเมนต์กว่า 150 ล้านตัน ณ สิ้นปี 2547 ความแข็งแกร่งดังกล่าวมีปัจจัยสนับสนุนมาจากการที่ Holcim มีการกระจายกิจการครอบคลุมภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลกโดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดละตินอเมริกา ซึ่งมีอัตรากำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA Margin) และอัตราการเติบโตที่สูงกว่าตลาดที่อิ่มตัวแล้ว นอกจากนั้น Holcim ยังมีการขยายกิจการเพิ่มขึ้นในประเทศที่มีอัตราการเติบโตสูงในประเทศยุโรปตอนกลาง ยุโรปตะวันออก เอเชีย และอินเดีย ความสามารถในการขยายกิจการเพื่อเข้าถึงตลาดทั่วโลกอย่างกว้างขวางนี้เป็นกลยุทธ์ที่สำคัญของ Holcim ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งช่วยลดผลกระทบจากความผันผวนของวัฏจักรธุรกิจในช่วงที่ผ่านมาด้วย ดังจะเห็นได้จากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับ EBITDA Margin ของ Holcim ที่สูงกว่าระดับเฉลี่ยของกลุ่มธุรกิจเดียวกันในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ Holcim ยังมีสภาพคล่องในระดับที่สูงจากการที่มีเงินสดมากถึงกว่า 3 พันล้านฟรังก์สวิส ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา และมีวงเงินสินเชื่อที่ยังไม่ได้เบิกใช้ถึง 2 พันล้านฟรังก์สวิส ณ สิ้นปี 2547 ถึงแม้ว่าแนวโน้มสถานะทางการเงินของ Holcim สำหรับปี 2548 ถูกคาดการณ์ว่าจะอ่อนแอลงเนื่องจากมีการเพิ่มระดับหนี้สินเพื่อนำมาใช้ในการซื้อกิจการเมื่อเร็วๆ นี้ ฟิทช์เชื่อว่าความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งของ Holcim ประกอบกับการใช้จ่ายเงินในการซื้อกิจการในระดับที่ลดลง จะช่วยให้สถานะทางการเงินของ Holcim กลับสู่สภาวะที่เข้มแข็งได้ในอีก 2 ปีข้างหน้า
บริษัท โฮลซิม แคปปิตอล (ประเทศไทย) จำกัด เป็นบริษัทจำกัดที่ถูกจัดตั้งขึ้นในประเทศไทยในปี 2541 ซึ่งถือหุ้นโดยบริษัท ไทย ร็อค-เซม จำกัด 51% และโดยบริษัทโฮลเดอร์ฟิน บีวี 49% โดยหุ้นของบริษัท ไทย ร็อค-เซม จำกัด จำนวน 49% ถูกถือโดยบริษัทโฮลซิม พาทิซิเพชั่นส์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูก 100% ของบริษัทโฮลเดอร์ฟิน บีวี ที่ถือหุ้นทั้งหมดโดย Holcim ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันหุ้นกู้ ทั้งนี้วัตถุประสงค์หลักในการจัดตั้งบริษัท โฮลซิม แคปปิตอล (ประเทศไทย) จำกัด ขึ้นนั้นเพื่อระดมทุนและให้การสนับสนุนทางการเงินแก่บริษัทในกลุ่ม โดยนับตั้งแต่ถูกจัดตั้ง บริษัท โฮลซิม แคปปิตอล (ประเทศไทย) จำกัด มีกิจกรรมทางธุรกิจที่จำกัดและไม่มีรายได้หลัก ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานทั้งหมดของบริษัทนั้น ใช้แหล่งเงินทุนจากส่วนของผู้ถือหุ้นและเงินกู้ยืมจากบริษัทที่เกี่ยวข้องกัน
บริษัท โฮลซิม แคปปิตอล (ประเทศไทย) จำกัด มีแผนที่จะนำเงินที่ได้รับจากการออกและเสนอขายหุ้นกู้มีประกันในครั้งนี้ไปให้บริษัทที่เกี่ยวข้องกันกู้ยืม ซึ่งได้แก่ บริษัท ไทย ร็อค-เซม จำกัด และบริษัท โฮลซิม พาทิซิเพชั่นส์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งบริษัททั้งสองจะนำไปใช้ชำระคืนเงินกู้ยืม โดยบริษัททั้งสองดังกล่าวได้ถูกจัดตั้งขึ้นโดยกลุ่ม Holcim มีวัตถุประสงค์เพื่อทำการลงทุนในประเทศไทย เงินลงทุนหลักของบริษัท ไทย ร็อค-เซม จำกัด ซึ่งถูกก่อตั้งขึ้นในปี 2535 ได้แก่ เงินลงทุนในหุ้นจำนวน 31% ของบริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตปูนซีเมนต์รายใหญ่อันดับ 2 ของประเทศไทย ในขณะที่บริษัท โฮลซิม พาทิซิเพชั่นส์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้ถือหุ้นของบริษัท ไทย ร็อค-เซม จำกัด ทั้งนี้รายได้หลักในอนาคตของบริษัท โฮลซิม แคปปิตอล (ประเทศไทย) จำกัด จะมาจากดอกเบี้ยรับและเงินต้นที่บริษัท ไทย ร็อค-เซม จำกัด และบริษัท โฮลซิม พาทิซิเพชั่นส์ (ประเทศไทย) จำกัด จ่ายชำระคืน ทั้งนี้ อันดับเครดิตของหุ้นกู้ได้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของการค้ำประกันโดย Holcim ดังกล่าวข้างต้น
อันดับเครดิตนี้จะสมบูรณ์ต่อเมื่อฟิทช์ได้รับเอกสารประกอบการวิเคราะห์ต่างๆ ฉบับจริงครบถ้วน รวมถึงการอนุมัติการออกและเสนอขายหุ้นกู้มีประกันดังกล่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
ติดต่อ: อรวรรณ การุณกรสกุล, Vincent Milton, +662 655 4755
หมายเหตุ : การจัดอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Ratings) เป็นการวัดระดับความน่าเชื่อถือในเชิงเปรียบเทียบกันระหว่างองค์กรในประเทศนั้นๆ โดยจะใช้ในประเทศที่อันดับเครดิตแบบสากลของรัฐบาลในประเทศนั้นอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ อันดับเครดิตขององค์กรที่ดีที่สุดของประเทศได้จัดไว้ที่ระดับ “AAA” และการจัดอันดับเครดิตอื่นในประเทศ จะเป็นการเปรียบเทียบความเสี่ยงกับองค์กรที่ดีที่สุดนี้เท่านั้น อันดับเครดิตภายในประเทศได้ถูกจัดทำขึ้นเพื่อใช้ในตลาดในประเทศเป็นหลักและจะมีสัญลักษณ์ที่กำหนดไว้ต่อท้ายจากอันดับเครดิตสำหรับประเทศนั้นๆ เช่น “AAA(tha)” ในกรณีของประเทศไทย ดังนั้นอันดับเครดิตภายในประเทศจึงไม่สามารถใช้เปรียบเทียบระหว่างประเทศได้
คำจำกัดความของอันดับเครดิตและการใช้อันดับเครดิตดังกล่าวของ ฟิทช์ เรทติ้งส์ สามารถหาได้จาก www.fitchratings.com อันดับเครดิตที่ประกาศ หลักเกณฑ์และวิธีการจัดอันดับเครดิต ได้แสดงไว้ในเว็บไซต์ดังกล่าวตลอดเวลา หลักจรรยาบรรณ การรักษาข้อมูลภายใน ความขัดแย้งทางผลประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้น แนวทางการเปิดเผยข้อมูลระหว่างบริษัทในเครือ กฏข้อบังคับรวมทั้งนโยบายและกระบวนการที่เกี่ยวข้องอื่นๆของฟิทช์ ได้แสดงไว้ในส่วน ‘หลักจรรยาบรรณ’ ในเว็บไซต์ดังกล่าวเช่นกัน--จบ--