กรุงเทพฯ--16 ม.ค.--แอสเซท พลัส
ภายหลังการเลือกตั้งที่อยู่ระหว่างรอความชัดเจนของการจัดตั้งรัฐบาลใหม่และนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เป็นรูปธรรม เป็นประเด็นที่นักวิเคราะห์ให้ความสนใจ โดยคาดการณ์ว่า หากมีความแน่นอนทางการเมืองและนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ดี จะช่วยผลักดันและส่งผลให้มีความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจและการบริโภค รวมถึงเอื้อประโยชน์แก่การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์มากขึ้น
การคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจหลังการเลือกตั้ง เป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของผู้ลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนแอสเซท พลัส จำกัด จึงจัดการเสวนาในหัวข้อเรื่อง “โหราหุ้น : ทำนายทายทักเศรษฐกิจปีหนูไฟ” ในวันพุธที่ 30 มกราคม 2551 เวลา 9.30 น. ณ ห้องประชุมศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย ชั้น 3 อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อเสนออีกมุมมองของการคาดการณ์เศรษฐกิจใน 2 ศาสตร์ คือ หลักเศรษฐศาสตร์ที่ใช้ข้อมูลการวิเคราะห์มาพยากรณ์เหตุการณ์ในอนาคต และโหราศาสตร์ที่ใช้หลักจิตวิทยาและสถิติ โดยบริษัทฯ ได้เรียนเชิญ นักเศรษฐศาสตร์และโหราพยากรณ์ที่มีชื่อเสียงมาเป็นผู้ถ่ายทอดมุมมองเกี่ยวกับเศรษฐกิจตลาดทุนไทยภายหลังการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ดังกล่าว โดยมีกำหนดการเสวนา ดังนี้
9.30 — 10.00 น. ลงทะเบียน และรับประทานอาหารว่าง
10.00 — 12.00 น. การเสวนาเรื่อง “โหราหุ้น : ทำนายทายทักเศรษฐกิจปีหนูไฟ”
ผู้ร่วมเสวนา
1. รศ.ดร.เจษฎา โลหอุ่นจิตร
นักเศรษฐศาสตร์ผู้ศึกษาในโหราศาสตร์สากล เจ้าของนามปากกา “ยูเรสโตร” คอลัมน์ “ถอดรหัสลับดวงดาว” ในหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
2. หมอไพศาล ซอยพิบูลย์เวศน์
โหราพยากรณ์ผู้เชี่ยวชาญด้านโหราศาสตร์และการพยากรณ์หุ้นที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก
3. ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ
ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน)
ผู้ดำเนินการเสวนา
รศ. ดร. ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา คณะบริหารธุรกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
ในโอกาสพิเศษนี้ บริษัทฯ ใคร่ขอเรียนเชิญท่านเพื่อเป็นเกียรติเข้าร่วมการเสวนาตามวันและเวลาดังกล่าวโดยโปรดสำรองที่นั่งโดยไม่มีค่าใข้จ่ายได้ที่เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลบัญชีของท่าน หรือที่ Call Center หมายเลขโทรศัพท์ (02) 672-1111 โดยแจ้งชื่อยืนยันการตอบรับเข้าร่วมงานในแบบฟอร์มใบตอบรับที่แนบมาพร้อมนี้ และส่งกลับมาที่บริษัทฯทางโทรสารหมายเลข (02) 286-4480-1 ภายในวันที่ 25 มกราคม 2551 ทั้งนี้บริษัทฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับเกียรติจากท่าน และขอขอบพระคุณ มา ณ โอกาสนี้